One Proud Day วันพราวด์ๆ ของ “ปั้น-ปุณณวิช” ในทุกปิดเทอม

ภาพความทรงจำในช่วงเวลาปิดเทอมของทุกคนอาจจะแตกต่างกันออกไป สำหรับผู้ใหญ่บางคน วันที่ลูกๆ ปิดเทอมอาจจะเป็นวันที่ยุ่งที่สุดช่วงเวลาหนึ่ง เพราะมีเจ้าตัวเล็กๆ อยู่ด้วยทั้งวัน ส่วนเด็กๆ บางคนอาจจะนึกถึงความสนุกสนานที่จะได้เล่นกับเพื่อนๆ แบบไร้กฎเกณฑ์ไม่มีคุณครูหรือตารางเรียนมาวุ่นวาย บางคนอาจจะต้องเรียนพิเศษ หรือบางคนอาจจะมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่านั้น

แต่สำหรับ “ปั้น-ปุณณวิช ดีวิเศษพันธ์” เขาเรียกช่วงเวลาเหล่านั้นว่า “วันพราวด์เดย์ (One Proud Day) พราวด์ในที่นี้หมายถึง ภาคภูมิใจ ซึ่งปั้นในวัยที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้วเมื่อมองย้อนกลับไป ก็ภาคภูมิใจกับมันจริงๆ

One Proud Day” เป็นชื่อกิจกรรมตอนปิดเทอมของโรงเรียนทอสี โรงเรียนประถมที่ปั้นเรียนอยู่ครับ เป็นกิจกรรมที่ให้อิสระกับนักเรียนว่า ให้ทำกิจกรรมอะไรก็ได้ตามที่ตัวเองชอบหนึ่งอย่าง แล้วมานำเสนอต่อหน้าชั้นในวันเปิดเทอม”

กิจกรรมที่เด็กชายปั้นในวันนั้นได้ร่วมทำกับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเลี้ยงสัตว์ ทำยูทูปเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของเด็กวัยประถม จนตอนนี้พัฒนามาสู่ติ๊กตอก ทำธุรกิจใหม่ ทำนิตยสารหรืออื่นๆ ล้วนแล้วแต่สร้างความสนุกสนานให้กับเขาเป็นอย่างมาก และยังต่อยอดสร้างตัวตนที่แข็งแรงของเขามาจนถึงทุกวันนี้

“One proud day เป็นกิจกรรมที่คล้ายๆ กับปิดเทอมสร้างสรรค์ เป็นของโรงเรียนประถมที่ปั้นเคยเรียนครับก็ให้เราคิดโปรเจกต์ขึ้นมาว่า ปิดเทอมเราจะทำอะไร โดยมีกิจกรรมทั้งปิดเทอมภาคเล็กในช่วงเดือนตุลาคม และปิดเทอมใหญ่ในช่วงเดือนพฤษภาคม ผมทำหลายอย่าง มีสองสามครั้งที่ผมจำได้แม่นเลย ก็คือ การทำธุรกิจ และทำนิตยสารครับ สำหรับการทำธุรกิจ ปีนั้นปั้นเปิดร้านขายกำไรข้อมือแฮนด์เมดในช่วงปิดเทอม ปั้นถักแล้วแล้วนำไปขายคนแถวบ้าน จากนั้นเราก็ทำบัญชีรายรับรายจ่าย อีกปีหนึ่งที่จำได้แม่นคือ อยากเป็นนักเขียน ปั้นก็ทำนิตยสารทำมือขึ้นมาเลย โดยให้แต่ละหน้ามีเซ็กชั่นที่แตกต่างกันออกไป โดยมีทั้ง หน้าเล่นเกมส์ หน้าข้อมูลความรู้ และไลฟ์สไตล์ต่างๆ พอเราทำเนื้อหาเสร็จก็พิมพ์แล้วนำออกแจก จะเห็นว่า เพียงแค่กิจกรรมเดียวก็ทำให้ปั้นเรียนรู้ได้หลายอย่างมาก มีประโยชน์ต่อเด็กประถมมาก อย่างปีที่ทำนิตยสาร ไม่เคยมีเทอมไหนที่ทำให้เราวุ่นขนาดนั้นมาก่อน ปกติปั้นทำงานหนักอยู่แล้ว ไม่ได้ชอบอยู่เฉยๆ พอตัดสินใจที่ทำนิตยสารก็พยายามวางแผน เขียน และทำมันขึ้นมา รู้สึกว่าเป็นการได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์จริงๆ และได้พัฒนาศักยภาพเรา และมีความสุขมากด้วยครับ”

นับตั้งแต่นั้นมา แม้ว่าจะเลยช่วงวัยประถมศึกษาแล้ว แต่กิจกรรมช่วงปิดเทอมก็ยังคงสร้างวันแห่งความภาคภูมิใจให้กับเด็กชายที่ในวันนี้ก้าวเข้าสู่วัยรุ่นแล้วไม่เคยขาด จนถึงทุกวันนี้ปั้นก็ยังคงสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ช่วงปิดเทอมให้ตัวเองอยู่เสมอ

สังเกตได้ว่า สิ่งหนึ่งที่สำคัญและมีบทบาทให้ชีวิตช่วงปิดเทอมของปั้นสนุกและได้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้นก็คือครอบครัว เมื่อพวกเขาไม่เคยปฏิเสธ ไม่ว่ากิจกรรมนั้นจะเป็นอะไร จนหลายกิจกรรมกลายเป็นกิจกรรมครอบครัวไปเลยด้วยซ้ำ

“ถึงตอนนี้ยังทำกิจกรรมเล็กๆ ตอนปิดเทอมตลอด คือปั้นและที่บ้านจะชอบหาโปรเจกต์ที่ทำร่วมกันช่วงปิดเทอม อย่างเช่น ตอนม. 3 จะขึ้น ม. 4 ตอนนั้นเป็นช่วงโควิด เรามีความคิดว่าปั้นอยากได้ห้องเป็นของตัวเอง ปั้นก็จะมีโปรเจกต์ว่า ปีนั้นเราจะทำห้องกัน ก็เริ่มหาวิธีการ มันอาจจะไม่ใช่โครงการใหญ่ร์อะไร แต่ก็คุยกันว่าจะทำ แล้วอยากรีโนเวทห้องที่บ้าน จากที่จอดรถให้เป็นห้องซักรีดและห้องเลี้ยงหมา เราทำโดยไม่ต้องใช้ช่าง เป็นงานดีไอวายที่ทุกปิดเทอม เราจะหากิจกรรมมาทำด้วยกันครับ สำหรับเรื่องนี้พ่อกับแม่ไม่เคยว่าอะไรเลย อย่างการไปเข้าค่ายช่วงปิดเทอม ก็มีทั้งค่ายวิทย์ ค่ายศิลป์ พอไปแล้วก็มาคุยกันว่าอะไรชอบหรือไม่ชอบ ถ้าชอบก็ทำต่อ แต่ถ้าไม่ชอบก็ลองมาคุยกันในรายละเอียด”

“สำหรับปั้น ปิดเทอมเป็นช่วงเวลาที่สนุกมากครับ”

ความสนุกของปั้นยังคงมีอยู่เรื่อยๆ แต่ก็เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ ล่าสุด ปั้นใช้ชีวิตช่วงเวลาปิดเทอมที่แตกต่างออกไป และเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้รับประสบการณ์ชีวิตที่ไม่เหมือนใครด้วย

“เทอมที่แล้วปั้นไม่ได้อยู่ในไทย แต่ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่สหรัฐอเมริกา มองว่าเป็นโอกาสที่ดีของเรา เพราะเราเรียนออนไลน์มาทั้งปีแล้ว แต่ว่าที่อเมริกาเขาไม่มีปัญหาเรื่องโควิดเลย เราจึงได้ไปโรงเรียนทุกวัน ทำให้ได้เปิดโลกใหม่ๆ ตอนที่ไปใช้ชีวิตที่นั่น และเมื่อเรากลับมาหลังจากไปแลกเปลี่ยน 1 ปีแล้ว เราก็มาเรียนต่อได้ทันที ไม่ต้องซ้ำชั้น ปั้นจึงคิดว่า นี่เป็นปิดเทอมที่ยอดเยี่ยมมากๆ ครับ”

“การได้ทำกิจกรรมช่วงปิดเทอมและช่วงเวลาอื่นๆ นั้น ปั้นว่ามันได้พัฒนาตัวเอง ตรงนี้อาจจะเป็นคำใหญ่สักหน่อย นั่นก็เพราะสิ่งที่เราทำมันพัฒนาทักษะได้หลายอย่าง แต่ถ้าคำใหญ่สุดเลยคือ เราได้เรียนรู้ตัวเองครับ บางครั้งเราทำไม่ใช่เพราะเราชอบหรือไม่ชอบ แต่เราได้รู้ว่า สิ่งนี้แหละคือตัวเรา มันไม่ใช่ว่าทุกกิจกรรมที่เราทำมันจะเหมาะกับเรา เราเคยไปค่ายกีฬา ค่ายวิทยาศาสตร์ แต่มันไม่ใช่ตัวเรา อันไหนที่ไม่ใช่ก็ตัดทิ้ง แล้วเราก็หาสิ่งใหม่เพื่อพัฒนาสิ่งที่เราชอบต่อไป และสิ่งที่เราทำ เราเรียนรู้ มันก็สามารถนำไปบอกคนอื่นต่อได้”

“ปั้นเป็นคนชอบเรียนรู้ เพิ่มความรู้ให้กับตัวเอง อยากเป็นคนที่รู้ทุกเรื่องเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้ามาปรึกษาพูดคุยกับเราได้ อยากให้ทุกคนเชื่อใจในตัวเราว่า เราทำได้ อยากช่วยให้คนอื่นๆ ได้มีโอกาสทำกิจกรรม หรือสิ่งที่มีประโยชน์ร่วมกับเราเรามีความสุขตรงนี้ก็อยากให้เขามีความสุขไปกับเราด้วยครับ”

 เด็กหนุ่มที่ทำกิจกรรมช่วงปิดเทอมมาตลอดชีวิตวัยเรียน และยังมุ่งมั่นจะทำต่อไปย้ำกับเราอีกครั้งว่า การได้ลองทำกิจกรรม หรืออาจจะเป็นการเล่นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็จะทำให้ชีวิตมีอนาคตที่น่าสนใจรออยู่ด้วย

“อยากชวนเพื่อนๆ มาลองทำกิจกรรมอะไรสักอย่างดูครับ มันจะเป็นการค้นหาตัวเองได้ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร และปั้นรู้สึกว่า แค่เพียงได้ลองทำดู ก็เปิดโลกเราแล้ว ไม่จำเป็นต้องอะไรใหญ่ๆ เช่น เห็นคนอื่นเป็นยูทูเบอร์แล้วลองทำดู แค่คลิปเดียวเราก็รู้แล้วว่าชอบหรือไม่ชอบ คืออยากให้ลงมือทำ แค่คุณก้าวออกจากบ้านมันก็คือการลงมือทำแล้ว มันอาจจะเป็นก้าวเล็กๆ  แต่มันคือคุณได้ก้าวไปไกลกว่าคนอื่นที่ยังไม่ลงมือทำแล้ว”

เราเชื่อมาตลอดว่าการทำกิจกรรมของเด็กจะทำให้เด็กพัฒนาทักษะต่างๆ ได้ เช่น การคิด การเรียนรู้ การตัดสินใจ กล้ามเนื้อในอวัยวะต่างๆ แต่เมื่อได้คุยกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่ทำกิจกรรมมาอย่างหลากหลาย และเอ่ยถึงการเรียนรู้ตนเอง เราก็ต้องยอมรับแล้วว่า กิจกรรมสำหรับเด็ก อาจจะให้อะไรมากกว่าที่คิด และส่งผลถึงอนาคตของพวกเขาจริงๆ

เอาละ! ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเลือกสัก 1 กิจกรรมที่มีประโยชน์ เพื่อเด็กๆ ของคุณ

—————

ภาพจาก Ig: pun_punnavit

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้และ นโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า