‘น้องปริ้นท์เตอร์’ เยาวชนดีเด่น เผยเคล็ดลับ วิธีการทำพอร์ตของสายอาชีพให้เข้าตากรรมการมหา’ลัย ในวันที่ความเท่าเทียมทางการศึกษายังไม่เกิดขึ้นจริง

“เรารู้อยู่แล้วค่ะ ว่าเส้นทางการเรียนของเราจะเป็นแบบไหน รู้ว่ามันยาก แต่เราชอบทางนี้จริงๆ”

นางสาวณัฐนรี ศรีอภิรัฐ (ปริ้นท์เตอร์) เยาวชนดีเด่น ปี 2560 และ 2565 นักแสดง นักกิจกรรม อดีตสมาชิกวงไอดอล ที-ป๊อบ และอีกหลายบทบาท เล่าให้เราฟังเมื่อเราถามอย่างสงสัยถึงเส้นทางการเรียนของตนเอง ที่แม้จะตั้งเป้าอยู่แล้วว่าจะต้องเข้าเรียนระดับชั้นอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่กลับเลือกเรียนอาชีวศึกษาหลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

ซึ่งดูจะเป็นหนทางที่อ้อมไปอ้อมมาพอสมควร

“หนูชอบเรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โปรแกรม เว็บไซต์ และแอปพลิเคชันต่าง ๆ มาก ดังนั้นพอจบม.3แล้ว หนูก็เลยตัดสินใจเข้าเรียนต่อสายอาชีวะในแผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยพณิชยการเชตุพนเลย เพราะว่าอยากเรียนด้านคอมพิวเตอร์โดยตรง ซึ่งการเรียนระดับปวช.จะมีรูปแบบการเรียนการสอนเป็นแบบภาคปฏิบัติมากกว่าภาคทฤษฎีทำให้เราได้ลงมือทำจริง และมีผลงานอยู่ตลอด นอกจากนี้วิทยาลัยยังมีการสนับสนุนให้ไปแข่งขันข้างนอกด้วย เช่นการไปเเข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์ เเข่งขันงานวิจัยของ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) นอกจากนี้ก็ยังมีเเข่งภาษาอังกฤษและอื่นๆ ด้วยค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็สามารถนำมาใส่ในพอร์ตสำหรับเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยได้”

 “ตรงนี้ก็เป็นข้อดีของการเรียนปวช. แต่ว่ามันยากสำหรับเด็กที่เรียนสายอาชีวะแล้วจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะมีมหาวิทยาลัยของรัฐที่เปิดรับเด็กจากสายอาชีวะน้อยมาก ส่วนใหญ่จะรับแต่เด็กสายสามัญ บางที่กำหนดคุณสมบัติมาเลยว่าไม่รับนักเรียนที่จบวุฒิ ปวช. หนูรู้สึกว่าควรจะได้รับโอกาสมากกว่านี้ เด็กปวช.หลายๆ คนก็มีผลงานเยอะแยะค่ะ มันก็แค่ให้เราได้สมัคร ได้ลองส่งพอร์ต ได้ลองสอบ ถึงไม่ติดอย่างน้อยเราก็ได้ลองค่ะ ไม่ใช่ว่าโดนตัดโอกาสตั้งเเต่ต้น ซึ่งตรงนี้หนูได้นำเสนอความคิดเห็นไปยังท่านนายก (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ในงานวันเด็กแห่งชาติเมื่อปี 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว”

และเมื่อรู้ปัญหาของตัวเองตั้งแต่ต้นทำให้ปริ้นท์เตอร์เตรียมรับมือและแก้ไขสถานการณ์มาตั้งแต่ต้น

“เราชอบเรียนคอมพิวเตอร์และอยากลงมือทำจริงจึงเลือกเรียนไปทางนั้น แต่ก็คิดถึงเรื่องการเข้ามหาวิทยาลัยไว้อยู่แล้ว ทำให้หนูตั้งใจจะเข้าตั้งเเต่รอบแรก ก็คือรอบพอร์ตโฟลิโอค่ะ ก็เลยเริ่มที่จะลองเเข่งนู้นแข่งนี้แล้วก็เก็บผลงานมาเรื่อยๆ ซึ่งหนูเป็นคนชอบทำกิจกรรมมาตั้งแต่เด็ก ทำให้พอร์ตค่อนข้างหลากหลาย แต่เวลาทำก็จะเลือกใส่เฉพาะที่เหมาะสมกับคณะและมหาวิทยาลัยที่เราตั้งใจจะสมัครเข้าเรียนด้วยค่ะ”

ซึ่งนั่นทำให้ปริ้นท์เตอร์ได้รับทุนการศึกษาเรียนฟรี 100% ระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง และยังสามารถผ่านเข้ามาเป็นนักศึกษาในวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม สาขาวิชานวัตกรรมสื่อสารสังคม เอกนวัตกรรมคอมพิวเตอร์เพื่อการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒได้สำเร็จ ซึ่งเจ้าของเกรดเฉลี่ย 3.95 บอกว่า การพิถีพิถันกับพอร์ตโฟลิโอเป็นเคล็ดลับที่สำคัญ

“หนูทำพอร์ต 3 เล่มสำหรับการยื่น 3 มหาวิทยาลัยค่ะ แต่ละเล่มจะปรับให้เข้ากับความต้องการของแต่ละคณะที่สมัคร ซึ่งในแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีแนะนำไว้ที่เว็บไซต์ของเขาอยู่แล้ว และทั้ง 3 ที่ก็ผ่านหมด เพราะเราทำกิจกรรมมาเยอะ ตั้งแต่เด็กทั้งเรื่องเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ นวัตกรรม ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับสิ่งที่เราจะเรียน และนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น ร้องเพลง การแสดง เดินแบบ ต่อยมวย คิวบู๊ งานจิตอาสาต่างๆ ที่เราเริ่มทำมาตั้งแต่เด็ก ทำให้พอร์ตของเราน่าสนใจมากขึ้น และเคล็ดลับอีกอย่างคือ ขอให้ทำพอร์ตด้วยตัวเอง อย่าใช้เทมเพลตเพราะมันจะดูแปลกตาจากคนอื่น หนูว่ามันก็จำเป็นนะคะ เราสามารถใส่ความเป็นตัวเองแล้วก็ไอเดียของตัวเองลงไปได้แล้วก็จะได้แตกต่างไม่เหมือนใครด้วย”

สาวน้อยที่ค้นพบตัวเองตั้งแต่เด็ก และมุ่งมั่นที่จะเป็นสตาร์ตอัปพัฒนาเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันในอนาคตเล่าเคล็ดลับให้ฟัง

การศึกษาเป็นกุญแจสำคัญในการไขอนาคตที่สดใส สำหรับนักศึกษา มหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็นประตูสู่ความรู้และโอกาส แต่การวางแผนไปสู่กุญแจดอกนั้นก็เป็นเรื่องต้องวางแผนแต่เนิ่นๆ ต้องเริ่มต้นการเดินทางสู่การค้นพบตนเอง ในทักษะโดยรอบและใช้โอกาสอันมีค่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ก็ต้องรักษาสมดุลในชีวิต แม้ว่าการศึกษาอย่างขยันขันแข็งจะมีความสำคัญ แต่การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน การมีส่วนร่วมในกิจกรรมสันทนาการ การทำงานอดิเรก และการรักษาความสัมพันธ์ส่วนตัวมีความสำคัญต่อความสุขและความสำเร็จโดยรวม ซึ่งจะทำให้มีแรงบันดาลใจในการบรรลุเป้าหมาย ได้รับทักษะที่มีคุณค่า และสร้างเส้นทางสู่อนาคตที่มีความหมายได้

ที่สำคัญ อย่าทิ้งความเป็นตัวเอง แม้ว่าหนทางนั้นอาจจะดูยากกว่า นั่นก็เพราะความสุขในการได้ทำสิ่งที่รักนั้น เป็นความสุขที่น่าตามหา

ขจัดความเครียดได้ด้วยตนเอง ดูแลตัวเองให้ดี อย่าให้ป่วยใจเลยนะ 

ปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ วัยรุ่นอย่างเราเกิดความเครียดได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน หรือ ความรักในวัยรุ่น หรือ น้องๆบางคนทั้งเหนื่อยจากเรียนเเละยังต้องหารายได้เสริมจากการทำงานพาร์ทไทม์ หรือ จะเป็นน้องๆ ที่ต้องเรียนเสริมเพื่อทำตามความฝันของตนเอง ใครว่าเป็นวัยรุ่นจะเจอเเต่ความสนุก ความสุข วัยรุ่นก็มีความเครียด ได้เหมือนกัน 

วันนี้ปิดเทอมสร้างสรรค์ ขอเเนะนำ วิธีจัดการความเครียดเเบบง่ายๆ ให้กับน้องๆ ได้ลองศึกษาเเละมาปรับใช้เพื่อให้ตนเองได้ขจัดความเครียดออก และใช้ชีวิตได้อย่างสนุกเเละมีความสุข จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย 

1. ออกกำลังกาย 

การออกกำลังกายจะช่วยฮอร์โมนเอนเดอร์ฟีนทำงาน หากน้องๆ รู้สึกเครียด ระหว่างทำการบ้าน หรือ อ่านหนังสือให้ลองออกไปเดินเล่น หรือ ยืดเส้นยืดสายเพื่อให้เราผ่อนคลายจากสิ่วที่ทำอยู่ 

หรือ เเบ่งเวลามาออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาทีต่อสัปดาห์ เพื่อให้ฮอร์โมนเเห่งความสุขได้ทำงาน 

2. นั่งสมาธิ ฝึกจิต ลดเครียด

เมื่อรู้สึกเครียด จะรุ้สึกได้ว่าจิตใจไม่สงบ ทำให้เราคิดเรื่องอื่นๆ อยู่ตลอดเวลาทำให้เราคิดเรื่องเดิมๆ เรื่องที่ทำให้รู้สึกเครียดตลอดเวลา หรือ การทำบ้านไม่ถูก แก้โจทย์ไม่ได้ หรือ เรื่องอื่นๆ ที่ทำให้น้องๆกังวลใจ ให้น้องๆลองสังเกตตนเองเเละจิตใจของตนเองดู เเละลองหาเวลามาทำสมาธิ ฝึกลมหายใจ ลองกำหนดลมหายใจเข้า – ออกง่ายๆ ทำให้ชีพจรเต้นช้าลง เอาใจไปโฟกัสการกำหนดลมก็ทำให้เราลืมเรื่องเครียดๆ ไปได้ประมานหนึ่งเลยล่ะ

3. จัดสรรเวลาในชีวิตประจำวัน

น้อง ๆ อาจจะเคยได้ยิน Work Life Balance การจัดสรรเวลาการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัวให้ดีจะช่วยให้ชีวิตส่วนตัวดีขึ้นแล้ว ยังช่วยในเรี่องของการที่เราไม่เอาความเครียดต่างๆ มาอยู่กับเรานานจนเกินไป ควรจัดสรรเวลาเรียนเเละเวลาพักผ่อนให้ดี ไม่ควรโฟกัสจนเครียดเกินไป ควรใช้เวลาทบทวนความคิดตัวเอง นำตัวเองไปทานของอร่อย ออกกำลัง หรือ ใช้เวลาอยู่กับสิ่งตนเองชอบ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งในการบริหารความเครียดได้ดีเลยทีเดียว

4. ผ่อนคลายด้วยการดูหนัง ฟังเพลง

แม้ว่าเราจะจัดการปัญหาความเครียดต่างๆ ยังไม่ได้ทันที แต่การที่เราเอาตัวเองออกมาจากความเครียดได้สักพักหนึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีได้ทำตามใจตัวเองบ้าง เช่น การนอนดูหนัง ฟังเพลงสบายๆ หรือออกไปหากิจกรรมทำที่นอกจากการนั่งจมกับความคิดเครียดๆ แน่นอนว่าช่วยให้สมองปลอดโปร่งสักพัก และอาจทำให้เรากลับมาคิดแก้ไขปัญหาหรือเรื่องเครียดได้ด้วย

 5. ปรับเปลี่ยนความคิด

การจมอยู่กับความคิดใดความคิดหนึ่งมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการเครียดโดยไม่รู้ตัวได้ หรือถ้าหากเราจมอยู่กับความวิตกกังวลมากๆ ก็กลายเป็นความเครียดสะสม ความเครียดที่เกิดขึ้นนั้นก็จะกลายเป็นสาเหตุของความทุกข์ใจ วิธีการคือให้เอาตัวเองออกจากความเครียดนี้ด้วยการลองปรับมุมมองปัญหาต่างๆ เอาตัวเองออกมายืนเป็นคนนอกดูบ้าง อาจทำให้เราเห็นสาเหตุของปัญหาและวิธีแก้ไขได้ง่ายกว่าการเอาตัวเองไปจมอยู่กับตรงนั้น หรือหากเรามองข้ามเรื่องเล็กน้อย และยอมรับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น อาจทำให้เราเข้าใจสถานการณ์ และหายเครียดได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังน่าจะป้องกันตัวจากความทุกข์ต่างๆ ได้ดีอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลเปาโล

2 Application ให้คำปรึกษาสุขภาพจิตออนไลน์ 

น้องๆ หลายคนอยากได้คำปรึกษาที่ดี เเต่หลายคนก็ไม่กล้าที่จะปรึกษาพ่อเเม่ หรือ คุณครู วันนี้    

ปิดเทอมสร้างสรรค์ เเนะนำแอปพลิเคชั่นที่น้องๆ สามารถปรึกษาด้วยตนเอง ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้ที่ 

Ooca

การปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยาและรักษาสุขภาพจิตจะไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไปด้วยแอปพลิเคชัน Ooca เราสามารถปรึกษาปัญหาคาใจจากที่บ้านได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น การปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์สามารถปรึกษาที่ไหนก็ได้ มั่นใจได้ว่าเป็นความลับ ไม่ต้องรู้สึกกลัวคนอื่นมองไม่ดี และที่สำคัญไม่เสียเวลารอ แทนที่จะต้องนั่งรอพบแพทย์ที่โรงพยาบาล คุณสามารถเลือกพบแพทย์เวลาไหนก็ได้ที่สะดวก

  • คะแนน: 4.3
  • เหมาะกับ: อายุ 4 ขึ้นไป
  • ภาษา: ภาษาไทย
  • ดาวน์โหลด Google Play, iOS 

Sabaija

เป็นแอปที่จะช่วยประเมินสภาวะทางด้านจิตใจโดยจะมีแบบคัดกรองเพื่อให้ทำการประเมินในแอป และจำแนกตามความเหมาะสมของเพศและอายุ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์บทความที่เราสามารถเลือกได้ว่าจะอ่านหรือฟังบรรยาย เป็นอีกตัวช่วยเติมพลังใจในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน ความรัก ครอบครัว หรือสุขภาพ และสามารถฟังเสียงดนตรีคลอไปกับการอ่านบทความเพื่อให้ได้อรรถรสเพิ่มขึ้นอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งแอปที่มีประโยชน์และช่วยเหลือทุกคนได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลย

  • คะแนน: 4.3
  • เหมาะกับ: อายุ 4 ขึ้นไป
  • ภาษา: ภาษาไทย
  • ดาวน์โหลด iOS  

ขอบคุณข้อมูลจาก  https://www.wongnai.com/articles/good-for-your-mental-health?ref=ct

ปิดเทอมสร้างสรรค์อยากให้น้อง ๆ ได้คลายเครียด คลายความวิตกกังวล เเละ อยากเป็นอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญเพื่อให้น้องๆ ได้ทำตามความฝันของตนเองสำเร็จ เเต่ต้องไม่ลืมที่จะให้ตนเองได้ใช้ชีวิตวัยรุ่น ใช้ชีวิตให้มีความสนุกสนาน และสุขภาพดีทั้งกายและใจ 

โคมไฟ DIY

วัสดุในการทำ

  1. ช้อนพลาสติก
  2. ขวดน้ำพลาสติก
  3. หลอดไฟ พร้อมสายเดิน
  4. สายไฟ
  5. กาว
  6. ไกรรไกร

วิธีทำ

  1. ใช้กรรไกรตัดขอบขวดด้านล่างออก
  2. ตัดด้ามช้อนพลาสติกออกให้เหลือแต่ช้อน
  3. จากนั้นนำมาเรียงทับกันเป็นชั้นๆ ซ้อนทับลงมาจากด้านล่างขึ้นบน
  4. ติดช้อนให้ทั่วขวดและวนเรียงให้รอบถึงคอขวด
  5. ใส่หลอดไฟให้เรียบร้อย จะได้โคมไฟช้อนสวยๆ นำไปตกแต่งห้อง

DIY ที่ขั้นหนังสือ

วัสดุในการทำ

กระดาษสี กรรไกร สีเมจิก ไม้บรรทัด คัตเตอร์

วิธีทำ

  1. ตัดกระดาษ สำหรับคั่นหนังสือ ตัดขนาดตามต้องการ เช่น 4 x 1.5 นิ้ว
  2. วาดรูปกระต่าย วาดมือกระต่าย ห้อยลงมา
  3. ใช้คัตเตอร์กรีด รอบ ๆ แขนกระต่าย ก็จะได้ที่คั่นหนังสือน่ารัก ๆ ไว้ใช้ได้เลย

miniChristmas in jar

วัสดุในการทำ

  1. กระดาษสี เขียว แดง เหลือง
  2. สำลีก้อน
  3. ขวดโหล
  4. ริ้บบิ้น

วิธีทำ

  1. น้ำกระดาษสีเขียวมาพับเป็นต้นคริสมัส และตกแต่งต้นคริสมัสให้สวยงาม
  2. พับกล่องของขวัญเล็กๆ และนำต้นคริสมัสและกล่องของขวัญใส่ไว้ในขวดโหล
  3. นำสำลีก้อนฉีกเป็นชิ้นๆและปั้นเป็นก้อนหิมะเล็กๆ
  4. จัดเรียงลงในขวดโหลและปิดฝา
  5. นำริ้บบิ้นมาผูกตกแต่งฝา

DIY  โมบายเปลือกหอย

วัสดุในการทำ

เปลือกหอยรูปแบบต่างๆ เจาะรูเพื่อเตรียมร้อยเชือก

วิธีทำ

นำเปลือกหอยที่ใหญ่สุด

เจาะรูแล้วมาร้อยเชือก

มัดเป็นปม ส่วนด้านบนมัดให้เชือกเป็นห่วงเพื่อที่จะทำให้โมบายสามารถห้อยได้

ร้อยเปลือกหอยเล็กใหญ่

สลับกันไปเรื่อยๆ

ทำ “พอร์ต โฟลิโอ้” อย่างไร ให้ “เข้ามหาลัยได้” ชัวร์

ตอนเป็นเด็กเล็กๆ การได้ถ่ายรูปกิจกรรมและสะสมผลงานน่ารักๆ ของลูกๆ ที่เปลี่ยนไปตามพัฒนาการนั้นอาจจะเป็นเรื่องของความสุขที่พ่อแม่ลูกได้ทำด้วยกัน แต่เมื่อโตขึ้นมาหน่อย การสะสมผลงานอาจจะมีหน้าที่เพิ่มเติมขึ้นมา นั่นคือ เป็นตัวชี้วัดความสามารถในการเข้ามหาวิทยาลัยด้วย

แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) เปรียบเสมือนหน้าต่างบานแรกที่จะทำให้คนรู้จักตัวตนของเจ้าของพอร์ต ทั้งกิจกรรมที่ชอบ ความรู้ความสามารถที่มี ศักยภาพและความสำเร็จที่ผ่านมา ที่สำคัญต้องดึงดูดมากพอที่จะทำให้คณาจารย์ทั้งหลายอยากรู้จักและอยากพูดคุยกับเจ้าของมัน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการได้รับการตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยในฝันได้

หลายคนอาจคิดว่าการทำพอร์ตมีหลักการไม่ได้มากมายอะไร อาจไล่เรียงตั้งแต่ ปก-คำนำ-ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา-รูปถ่ายกิจกรรมที่เคยทำ-เกียรติบัตรเชิดชูผลงาน-ปกหลัง ก็น่าจะพอแล้ว ถ้าคิดแบบนี้เตรียมเอามือก่ายหน้าผากได้เลย เพราะใครก็รู้สิ่งนี้ ใครก็ทำแบบนั้นได้ แต่สิ่งที่ทำให้พอร์ตของน้องๆ น่าสนใจกว่าคนอื่นมีอะไรบ้าง วันนี้เรามีคำแนะนำง่ายๆ มาฝาก

1. รู้จักตนเอง

หากรู้อยู่แล้วว่าตัวเองชอบอะไรข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย แต่ถ้ายังสับสน ยังไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองสนใจอย่างแท้จริงลองใช้เวลาไตร่ตรอง ศึกษาเส้นทางชีวิตและประสบกาณณ์ที่ผ่านมา อาจจะทำให้รู้ได้ว่า ตัวเราเองชอบและจดจ่ออยู่กับสิ่งไหนมากที่สุด หรือหากยังไม่ได้อีกแนะนำว่า  งาน open house ของมหาวิทยาลัยต่างๆ อาจจะเป็นวิธีการที่ดีที่ทำให้พอมองเห็นลู่ทางบ้าง เพราะจะทำให้เห็นบรรยากาศ ลักษณะเจ้าหน้าที่และนักศึกษาของที่นั่น รวมถึงได้คลายข้อสงสัยของตัวเองต่อสถานที่และคณะนั้นๆ แนะนำว่า ควรทำตั้งแต่ม.สี่ ถ้าให้ดี ลองแวะไปเลียบๆ เคียงๆ ตั้งแต่ม.ต้นก่อนก็ได้ ตรงนี้สามารถติดตามข่าวจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้โดยตรง

2. ทำความเข้าใจคณะ และสถาบันที่เข้าจะเข้าเรียน

ต้องรู้ก่อนว่า เราไม่ได้ทำพอร์ตเพื่อที่จะเก็บไว้ดูเอง ดังนั้น ก่อนที่จะเริ่มทำพอร์ต โปรดศึกษาและทำความเข้าใจข้อกำหนดของทางมหาวิทยาลัยอย่างละเอียด แต่ละสถาบันอาจมีแนวปฏิบัติเฉพาะตัวเกี่ยวกับรูปแบบ เนื้อหา และขั้นตอนการส่งผลงาน การรู้รายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้ปรับแต่งพอร์ตโฟลิโอ ได้อย่างเหมาะสม หากสนใจหลายคณะ อย่าส่งพอร์ตชิ้นเดียวกันไป แต่จงพิถีพิถันเลือกทำให้ถูกจริตกับแต่ละที่ เช่น หากคุณกำลังสมัครคณะศิลปกรรมศาสตร์ ให้รวมตัวอย่างงานศิลปะ ภาพถ่าย หรือโครงงานออกแบบด้วย แต่หากน้องๆ สนใจจะสมัครหลักสูตรวิทยาศาสตร์ ก็ให้รวมรายงานการวิจัยหรือการทดลองต่างๆ เป็นต้น

3. โชว์จุดแข็ง

เลือกโชว์ผลงานที่โดดเด่นที่สุดลงในพอร์ต ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จทางวิชาการ กิจกรรมนอกหลักสูตร การบริการชุมชน (จิตอาสา) ที่แสดงให้เห็นถึงทักษะและความหลงใหลของตัวเรา พยายามรวมงานที่หลากหลายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถของน้องๆ และด้วยเนื้อที่อันจำกัด คุณภาพจึงมีความสำคัญมากกว่าปริมาณ สำหรับกิจกรรม หากใครยังไม่รู้ว่าจะสามารถหากิจกรรมต่างๆ ทำได้ที่ไหน แนะนำให้น้องๆ ค้นหาในกูเกิลด้วยคำว่า “ค่าย..แล้วตามด้วยชื่อคณะที่สนใจ” ก็จะพบ hub ค่ายและโครงการวิจัยต่างๆ มากมาย สามารถเลือกตามที่สนใจได้เลย ทั้งนี้ก็มีทั้งที่ฟรีและเสียเงินให้เลือกตามอัธยาศัย

4. ตกแต่งจัดพอร์ตโฟลิโอให้เป็นระเบียบ แต่ก็ต้องไม่ลืมความคิดสร้างสรรค์

ต้องดึงดูดความสนใจ แต่ก็ต้องอ่านง่ายสบายตาด้วย ใช้รูปภาพที่มีความละเอียดสูงและแบบอักษรที่อ่านง่ายเพื่อสร้างผลงานที่ดึงดูดสายตา แนะนำให้แบ่งส่วนต่างๆ ของพอร์ต มีหัวข้อให้ชัดเจน เพื่อให้คณะกรรมการรับสมัครเข้าใจโครงสร้างพอร์ตโฟลิโอของน้องๆ ได้ง่าย พร้อมเขียนสะท้อนกระบวนการคิด ความท้าทายที่เผชิญ และบทเรียนที่ได้รับจากกิจกรรมหรือโครงงานวิจัย  ซึ่งจะช่วยให้คณะกรรมการได้เห็นการเติบโตของน้องๆ รวมถึงทำหน้าปกให้สวยงามมากพอที่คนจะหยิบขึ้นมาอ่าน จำไว้เสมอว่าคำว่า “อย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปก” ใช้ไม่ได้ในการทำพอร์ตโฟลิโอเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย

5. ขอคำปรึกษาจากอาจารย์และศึกษาพอร์ตของรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จ

แม้ว่าน้องๆ จะตั้งใจทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่เมื่อเราอยู่กับมันนานจนชินก็อาจจะทำให้พลาดบางอย่างไปได้ แนะนำให้ลองนำพอร์ตที่ทำเสร็จแล้วไปขอความวิจารณ์จากอาจารย์หรือรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จ คำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์สามารถช่วยให้ปรับปรุงคุณภาพโดยรวมของพอร์ตโฟลิโอของเราได้

การสร้างแฟ้มผลงานสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ จัดระเบียบ และความใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอนที่กล่าวมา เพราะนั่นจะทำให้พอร์ตโฟลิโอของเราเป็นโอกาสในการบอกเล่าเรื่องราวที่ไม่เหมือนใครและแสดงศักยภาพของของเราให้เปล่งประกายออกมาชัดเจนจนไม่อาจปฏิเสธได้

ขอให้โชคดีในรั้วมหาวิทยาลัย

5 จิตอาสาออนไลน์ ได้เกียรติบัตรรับรอง

ตั้งแต่เกิดโรคระบาด Covid-19 ทำให้น้องๆหลายคนไม่ได้ออกไปทำกิจกรรม ต้องกักตัวอยู่บ้าน ทำให้เกิดผลกระทบหลายอย่าง ทั้งความเบื่อไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำ วันนี้ปิดเทอมสร้างสรรค์ แนะนำกิจกรรมที่ดีรวมถึงเป็นกิจกรรมจิตอาสาที่น้องๆ จากเว็บไซต์ https://www.uncommonunique.com    ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น รวมถึงยังได้เกียรติบัตรรับรองสามารถนำไปเป็น ผลงานของตนเอง เเละสำหรับน้องๆ ที่กู้ กยศ.สามารถนำเกียรติบัตรไปเเลกชั่วโมงจิตอาสาได้ด้วย จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

1. พิมพ์หนังสือให้คนตาบอด

สำหรับน้องๆ ที่ชอบการพิมพ์เป็นชีวิตจิตใจ มาร่วมทำจิตอาสาด้วยการพิมพ์หนังสือ ให้สำหรับผู้พิการทางสายตา ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทั่วไป นิยาย วรรณกรรม ความรู้ต่างๆ เพื่อจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปทำอักษรเบรลล์ เเต่ห้ามพิมพ์ข้อมูลเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียน เเละต้องพิมพ์ให้จบ 1 เล่มและจะได้เกียรติบัตรรับรองที่สามารถไปใช้เก็บเป็นผลงานก่อนเข้ามหาวิทยาลัย หรือ จะนำไปเเลกชั่วโมง กยศ.เเละ กรอ. 

สนใจทำจิตอาสาได้ที่ https://www.uncommonunique.com/challenge-page/disability-2 

2. วาดภาพประกอบนิทานเพื่อเด็กด้อยโอกาส 

สำหรับน้องๆ ที่ชอบการวาดภาพ มีทักษะวาดภาพที่ดี สามารถมาร่วมกิจกรรมวาดภาพประกอบนิทานเพื่อเด็กด้อยโอกาสได้ ให้เลือกวาดภาพที่ช่วยส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ให้เด็กๆ รวมถึงภาพวาดที่สร้างเเรงบันดาลใจ เช่น ภาพวาดนิทาน ภาพวาดสื่อการเรียนรู้ โดยมีเงื่อนไขในการรับเกียรติบัตร ต้องมีชั่วโมงจิตอาสา 3-10 ชั่วโมงต่อภาพ จึงจะได้เกัยรติบัตรรับรองที่สามารถไปใช้เก็บเป็นผลงานก่อนเข้ามหาวิทยาลัย หรือ จะนำไปเเลกชั่วโมง กยศ.เเละ กรอ. 

สนใจทำจิตอาสาได้ที่ https://www.uncommonunique.com/challenge-page/education-23 

3. สมุดทำมือเพื่อเยาวชน โรงเรียนห่างไกล 

สำหรับน้องๆ ที่มีความถนัดในการทำสมุดทำมือ การวาดภาพ หรือ งานDIY มาร่วมทำ สมุดบันทึกให้กับน้องๆ ที่อยู่พื้นที่ห่างไกล การทำสมุดมีวัถตุประสงค์เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ การแสดงออก รวมถึงเพิ่มทักษะทางศิลปะ ผ่านสมุดเล่มนี้ โดยมีเงื่อนไขต้องทำสมุด 1 เล่ม / 1 ชั่วโมง จึงจะได้เกัยรติบัตรรับรองที่สามารถไปใช้เก็บเป็นผลงานก่อนเข้ามหาวิทยาลัย หรือ จะนำไปเเลกชั่วโมง กยศ.เเละ กรอ. 

สนใจทำจิตอาสาได้ที่ https://www.uncommonunique.com/challenge-page/education-10 

4. พิมพ์สมุดคำศัพท์ภาษาอังกฤษช่วยพัฒนาเยาวชน 

สำหรับน้องๆ ที่มีความถนัดความสามารถในด้านภาษาอังกฤษ หรือ การตกแต่งสมุดด้วยความคิดที่สร้างสรรค์ เพื่อทำเนื้อหาที่น่าสนใจ พร้อมที่จะเป็นเครื่องมือทางการศึกษาให้กับนักเรียนที่ด้อยโอกาส การทำสมุดคำศัพท์ภาษาอังกฤษถือเป็นสมุดที่ให้ความรู้ ความเข้าใจด้านภาษาอังกฤษ ให้กับนักเรียนด้อยโอกาสที่จะนำความรู้เหล่านี้ไปต่อยอดในอนาคตได้  โดยมีเงื่อนไขต้องทำสมุด 5-10ชั่วโมง /1เล่ม จึงจะได้เกัยรติบัตรรับรองที่สามารถไปใช้เก็บเป็นผลงานก่อนเข้ามหาวิทยาลัย หรือ จะนำไปเเลก ชั่วโมง กยศ.เเละ กรอ. 

สนใจทำจิตอาสาได้ที่ https://www.uncommonunique.com/challenge-page/education-17 

5. ประชาสัมพันธ์กิจกรรมอาสาออนไลน์

กิจกรรมน้ีถือเป็นกิจกรรมทื่ทุกคนสามาารถทำได้เเละทำได้ง่าย โดยช่วยบอกต่อ แบ่งปันกิจกรรมจิตอาสาให้ทุกคนได้รู้จักมากยิ่งขึ้น มีผู้คนมาร่วมทำกิจกรรมอาสามากยิ่งขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อนักเรียนผู้ด้อยโอกาส หรือ คนที่รอรับสิ่งดีๆที่พวกเราได้ทำให้ ซึ่งกิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนัก ความสนใจ เเละมีการสนับสนุนให้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมจิตอาสาเพิ่มขึ้น โดยมีเงื่อนไขต้องประชาสัมพันธ์ 3-5 ชั่วโมง /1ผลงาน จึงจะได้เกียรติบัตรรับรองที่สามารถไปใช้เก็บเป็นผลงานก่อนเข้ามหาวิทยาลัย หรือ จะนำไปเเลก ชั่วโมง กยศ.เเละ กรอ. 

สนใจทำจิตอาสาได้ที่ https://www.uncommonunique.com/challenge-page/others-2 

เจ้าของนามปากกา “หนูแดง” แนะ “นักเขียน” อาชีพขายฝัน ที่มัวแต่นั่งฝันไม่ได้ อยากรู้ต้องลุย อยากเก่งต้องพัฒนา

เมื่อนวัตกรรมก้าวหน้า เทคโนโลยีก้าวไกล ทำให้อะไรๆ ก็ง่ายจริงหรือ?

ในยุคที่ทุกวินาที่จะเกิดการเปลี่ยนผ่านจากอะนาล็อกไปสู่ดิจิทัลทุกขณะ หลากหลาย ‘อาชีพออนไลน์’ ถูกเอ่ยชื่อขึ้นมาบ่อยๆ เมื่อพูดถึงสิ่งที่สร้างรายได้ได้โดยไม่ต้องออกจากบ้าน หรืออาชีพที่ทำเงินจากที่ไหนก็ได้ ง่ายนิดเดียว?

‘นักเขียน’ ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อถูกพูดถึง passive income หรือความง่ายที่จะสร้างงานสร้างรายได้ เพราะถูกปูทางด้วยคำว่า ebook มานานหลายปีแล้ว ทำให้กลายเป็นอาชีพที่หลายคนตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา และคนทั่วไปหันมามองหมายจะยึดเป็นอาชีพหลัก

แต่ข้อมูลเหล่านั้นมันถูกต้องจริงหรือไม่?

“มันมีทั้งโอกาสและข้อจำกัดค่ะ” บุญญานี จงทวีพรมงคล เจ้าของนามปากกา ‘หนูแดง’ ‘หนูแดงตัวน้อย’ และ ‘บุญญานี จงทวีพรมงคล’ นักเขียนอาชีพที่มีนิยายตีพิมพ์มากกว่าร้อยเรื่อง ทั้งยังเป็นวิทยากรและอาจารย์พิเศษเกี่ยวกับการเขียนนิยายทุกแขนงให้ทัศนะกับเราไว้

บุญญานีเข้าวงการตั้งแต่เมื่อ 15 ปีก่อน ตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และจากประสบการณ์ที่คร่ำหวอดนี้เองทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในแวดวงวรรณศิลป์แห่งนี้ว่า แม้จะถูกเอ่ยถึงบ่อยครั้ง แต่อาชีพเขียนนิยายนั้น ต้อนรับเฉพาะคนที่ ‘อยู่ได้’ ส่วนจะอยู่ได้จริงหรือไม่ คนที่เข้ามาจะเป็นผู้ตัดสินเอง

“ตอนที่หนูแดงเข้ามามันเป็นยุคกลางๆ ของอาชีพนี้ เป็นยุคที่มีเว็บไซต์เอาไว้ลงนิยายเพื่อให้แมวมองให้สำนักพิมพ์ได้มาเจอ แล้วติดต่อขอไปพิมพ์เล่ม ซึ่งก็จะมีกระบวนการหลายขั้นตอน บางครั้งผ่านพิจารณารอบแรกจากบรรณาธิการคัดสรรแล้ว แต่ไม่ผ่านในขั้นตอนสุดท้ายก็มี จนกระทั่งได้ตีพิมพ์หนังสือจึงจะเรียกว่าเป็นนักเขียนได้ ขณะที่สมัยนี้ทุกคนมีแพล็ตฟอร์มที่จะสามารถเดบิวต์เป็นนักเขียนได้ด้วยตัวเองทุกเวลาโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง อยากจะขายมันทำได้ทันทีและสามารถพัฒนาเป็นอาชีพจริงจังได้ และมีรายได้เป็นกอบเป็นกำได้”

แต่เพราะไอ้ตรงนี้แหละมันก็เลยกลายเป็นแง่ลบว่า พอคนมองว่า มันดูเหมือนมันง่าย แค่คิดว่าก็เขียนออกสบายๆ  คนก็เลยกระโดดเข้ามาทำเยอะ แต่ในความจริงมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอก เพราะพอคนเข้ามาเยอะก็จะเกิดการแย่งเค้ก ต้องทำยังไงก็ได้ให้งานดี และผ่านตาคนคนอ่านมากที่สุด ซึ่งนี่แหละ มันจะเป็นสงครามในด่านแรก ทำให้บางคนเข้ามาแล้วมาเจอระบบ มาเจอขั้นตอนการทำงานของนักเขียนที่เหมือนง่ายแต่จริง ๆ มันยาก ก็ล้มหายตายจากไป”

“บางคนทำงานเขียนมา 2-3 ปี แล้วไม่ปังก็กลับไปทำงานประจำ หรือบางคนเครียดอยู่ไม่ไหว เนื่องจากต้องผลิตผลงานออกมาตลอด เพราะสมัยนี้เป็นช่วงปลาเร็วกินปลาช้า มันก็จะทำให้หมดไฟบ้างอะไรบ้าง ตัวหนูแดงเองก็มีบางช่วงที่ไปทำงานอื่นเสริมเพื่อหนีอาการเบิร์นเอาท์ เราต้องเร่งงาน ต้องออกผลงานใหม่เร็ว ต้องสร้างฐานแฟน ต้องโปรโมต ฯลฯ คือสมัยนี้เป็นนักเขียนอย่างเดียวไม่ได้แล้ว มันเป็นเรื่องผลประโยชน์ ชื่อเสียง มันต้องมีการตลาด ขายงาน ขายตัวเองเป็นด้วย ไม่ใช่เขียนแล้วจบ แล้วมันจะเครียด ทำให้เกิดอาการไรเตอร์บล็อก ซึ่งส่งผลต่อการเจ็บป่วยทั้งกายและใจ หนูเชื่อว่าคนเราจะทำงานเขียน งานสร้างสรรค์บนความเครียดได้ยาก บางคนรับมือได้ บางคนไม่ได้ก็หายไปจากวงการ”

แต่ทั้งนี้นักเขียนเจ้าของรางวัลมากมายก็ไม่ได้สนับสนุนให้คนที่ตั้งใจเข้าวงการนักเขียนท้อไปเสียก่อน เพียงแต่ต้องหาวิธีการที่ถูกต้องสำหรับชีวิตการเป็นนักเขียนที่ทั้งมีความสุขและมีรายได้ด้วย

“สำหรับคนที่มองว่ามันง่าย รวมถึงทุกคนด้วย หนูแดงอยากจะให้ลองเข้ามาทำก่อนโดยที่ยังไม่ต้องทิ้งการเรียน หรือการงานที่ทำอยู่ ลองแบ่งเวลาดูก่อน ให้มีรายได้มั่นคงจากตรงนี้ก่อน ความมีวินัยและยืนยาวต่อเนื่องเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นน้องนักเรียน นักศึกษาหรือว่าคนที่ทำงานแล้ว แล้วอยากจะเข้ามาเขียนนิยาย อยากให้แบ่งเวลาทำอย่างต่อเนื่องทุกวัน อย่างของหนูแดงอย่างน้อยต้องได้วันละ 1 ตอน หรือประมาณ 7-10 หน้า เอ4 สำหรับคนอื่นอาจจะกำหนดเป็นช่วงเวลาก็ได้ คือเราต้องหาช่วงเวลาที่เรียกว่า เป็นช่วงไพร์มไทม์ของเรา มนุษย์เราจะมีช่วงหัวไบร์ทที่สุดประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวัน บางคนเป็นช่วงเช้า บางคนเป็นช่วงกลางคืน

และเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า วงการนี้ไม่มีทางลัด ต่อให้อยู่ดีๆ วันหนึ่งมีคนเอานิยายเราไปรีวิวทำให้มีกระแส แต่วันหนึ่งมันก็จะหายไปถ้างานเราไม่ได้คุณภาพ เราตอ้งทำยังไงก็ได้ให้งานมันสนุก มีมาตรฐานมากพอ ให้คนหยิบอ่าน แล้วเราก็พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ  ถ้าต่อไปมันถูกยกไปรีวิว ไปบอกต่อ มันจะได้ไม่โดนคำครหาที่ ‘งานแบบนี้เหรอที่คนแนะนำ’ มันจะมีแต่ ‘นี่เรื่องนี้สนุก อ่านแล้วอยากติดตามต่อ’ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มต้นเขียนหรือเขียนมานานแล้ว ทางเดียวที่ต้องทำคือ เขียนต่อไป มีวินัย อดทน เราเขียนร้อยเรื่อง ไม่มีทางที่จะปังทั้งร้อยเรื่อง มันจะมีน้อยชิ้นมากที่ได้รางวัล น้อยชิ้นมากที่มีคนพูดถึง และบางทีก็ดังแบบเฉพาะกลุ่ม เพราะฉะนั้น เราต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ ฝึกเขียนไปเรื่อยๆ”

“แต่ถ้าหากว่าวันหนึ่งเกิดความเครียดสะสม สิ่งที่หนูแดงทำคือ ไม่ทำงาน นักเขียนส่วนใหญ่ทำงานในห้องคนเดียว แต่ธรรมชาติของมนุษย์ มันต้องออกไปสูดอากาศ เจอแสงแดด ไปเจอผู้คน การไปแบบนี้ ทำให้เกิดไอเดียด้วยนะ บางสถานที่ บางเรื่อง บางอย่าง หรือบางประโยคที่คนอื่นพูดมา มันจะจุดประกายไอเดียของเราด้วย ตรงนี้อาจจะไม่ได้เหมือนกันทุกคน ก็ลองไปหาดูว่า วิธีการผ่อนคลายที่ดีที่สุดสำหรับเราคืออะไร ให้ลุยไปทำสิ่งนั้นจนเบื่อ พอเบื่อแล้วเนี่ย มันจะอยากกลับมาทำงานเขียนเอง”

“จริงๆ รู้สึกยินดีมากเลยที่มีคนสนใจและอยากจะเข้ามาเป็นนักเขียน เพราะว่ามันเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่าน เพราะในไทยเรามักจะมีคนพูดประมาณว่า การอ่านของเราไม่ค่อยเจริญเติบโต แต่ว่าตอนนี้เราเห็นว่าหลายคนสนใจที่จะเขียน อยากมาทำ แม้ว่าในตอนแรกเริ่มอาจจะสนใจเรื่องรายได้ อยากแนะนำว่าใครอยากจะเขียนให้เขียนเลย ให้ลองกระโดดเข้ามา มันอาจจะดี หรือไม่ดี ตัวเราเองก็พูดไม่ได้ สำหรับหนูแดงวงการนี้ดี เพราะเป็นสิ่งที่เรารัก เป็นสิ่งที่เราทุ่มมาก อยู่กับมันทุกวัน ทั้งเขียน ทั้งสอนด้วย เวลาเราเห็นเด็กๆ น้องๆ มาขอคำปรึกษา หรือเติบโตในทางงานเขียนที่เขาชอบ แม้ว่ามันจะเป็นงานเชิงบันเทิงคดี ที่ไม่ได้เป็นวรรณกรรมยากๆ ก็รู้สึกยินดีกับเขา เพราะเรารู้ว่ามันเป็นก้าวที่จะพัฒนาไปสู่งานเขียนรูปแบบอื่นๆ อีก หนูแดงเชื่อว่า สมมุติเขียนงานตอนอายุ18 เขียนต่อเนื่องมาจนอายุ 30 มันไม่มีทางเลยที่งานจะหยุดอยู่กับที่เหมือนตอนที่เราอายุ18 แต่มันจะพัฒนาไปเรื่อยๆ เขียนหลากหลายมากขึ้น มันเป็นก้าวที่ดี ใครสนใจก็อยากให้ลองเข้ามาดู ทำไปก็ไม่เสียหาย ถ้ามันไม่ใช่ หรือไม่ชอบ หยุดทำไปก็ไม่เป็นไร”

“แต่โดยส่วนตัวจะทำงานที่รักนี้ไปตลอดชีวิต  หนูแดงเชื่อว่าการทำงานหนัก ขยัน สักวันมันต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”

ดูเหมือนว่าการเป็นนักเขียนนวนิยายออนไลน์ในปัจจุบันนี้จะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป และดูจะไม่เสียเปล่าหากเริ่มลงมือทำ ลองใช้ความมุ่งมั่น ความหลงใหล และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์เพื่อเล่าเรื่องราวของคุณทำให้โลกได้รู้จัก ขอให้มีความสุขกับการเขียน

งานพาร์ทไทม์ หารายได้เสริม ฉบับนักเรียน

อยากมีรายได้เสริม อยากมีค่าขนมเพิ่มเติมมาอ่านทางนี้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงปิดเทอมหรือเปิดเทอมน้องๆ สามารถ มาศึกษาวิธีการหารายได้ หางานพาร์ทไทม์ เพื่อได้ประสบการณ์ที่หลากหลายแถมได้ค่าขนมมาเป็นรายได้เสริมอีก โดยในครั้งนี้ทาง ปิดเทอมสร้างสรรค์ ได้รวมวิธีการหารายได้เสริมที่สามารถทำได้ทั้งออนไลน์เเละออฟไลน์มาให้น้องๆได้ศึกษา จะมีแบบไหนกันบ้างนั้น ไปเรียนรู้กันเลย !!

1. แพลตฟอร์มหางานพาร์ทไทม์ Application : Day Work 

รูปภาพจาก : https://daywork.co/_ipx/f_webp/howto/basic-howto/technical-header.jpg

สำหรับน้องๆ ที่อยากหารายได้เสริมระหว่างเรียน หรือ ในช่วงปิดเทอม หรือจะเป็นการประสบการณ์ที่ท้าทาย สามารถดาวน์โหลด  Application : Day Work เพื่อหางานที่ใช่เเละรายได้ที่ชอบได้เลย

สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://daywork.co/howto

2. การทำ Affiliate Marketing 

รูปภาพจาก : https://www.starfishlabz.com/media/223474 

ปัจจุบันมีการหารายได้จากโลกออนไลน์มีเยอะมากมาย การทำ Affiliate Marketing เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถสร้างรายได้ให้กับน้องๆ รวมถึงผู้ปกครอง ก็สามารถทำได้เช่นเดียว เพียงเเค่มีแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook , Tiktok , Instargram , lemom8 และอื่นๆ อีกมาย เพียงเเค่รีวิวสิ่งที่ตัวเองเคยใช้ หรือ ที่ชอบใช้ประจำเเละแปะลิงค์ในการสั่งสินค้าไว้ ถ้ามีคนที่กดลิงค์สั่งซื้อของเราก็จะได้ส่วนเเบ่งนั้นเอง ซึ่งตอนนี้มีแพลตฟอร์มที่สั่งซื้อของออนไลน์เปิดให้ทำ Affiliate Marketing  เยอะมากมาย เช่น Shopee , Lazada ,Tiktok และอื่นๆ

สามารถศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ https://shorturl.at/ghoKX  

สามารถเรียนรู้ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นจาก ครูคุณ ได้ที่ https://www.youtube.com/playlist?list=PLa0MvufV_Ya0t651mqKfGKuuGyCGTDmMS 

3. ติวเตอร์ 

รูปภาพจาก : https://shorturl.at/elosx 

สำหรับน้องๆ ที่ชอบในการเเนะนำ การสอน สามารถรับเป็นติวเตอร์ให้กับเพื่อนๆ หรือ รุ่นน้องได้ หรือ จะทำเป็นสื่อการสอนออนไลน์โดยเเนะนำการสอนหรือการติวข้อสอบโดยทำเป็นรูปแบบวิดีโอ โพสต์ผ่าน Facebook , TikTok หรือจะเป็นแพลตฟอร์มเฉพาะทางสำหรับการขายสื่อการสอน เช่น coursesquare.co, skilllane.com, และ udemy.com ซึ่งจะหักรายได้ส่วนแบ่งเข้าทางเว็บไซต์ที่ให้บริการส่วนหนึ่ง ซึ่งข้อดีของการสอนออนไลน์แบบนี้ก็คือเราจะมีนักเรียนที่หลากหลายวัยและมาจากทั่วประเทศ ยิ่งทำให้ผู้สอนต้องพัฒนาเทคนิคในการสอนอยู่ตลอดเวลาจัดเป็นอาชีพเสริมในยุคดิจิทัลที่ได้พัฒนาตัวเองไปด้วยพร้อม ๆ กัน โดยการเป็นติวเตอร์ เราจะทำเเบบออนไซต์ หรือ แบบออนไลน์ก็สามารถหารายได้ทั้งสองทางเลย 

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://shorturl.at/PTVX9 

4. สร้างรายผ่าน Canva ด้วยมือถือ 

รูปภาพจาก : https://www.designil.com/wp-content/uploads/2022/03/canva-pro-business-ideas.webp

น้องหลายๆคนอาจจะเบื่อการที่ต้องออกไปพบผู้คน หรือ อยากจะฝึกทักษะในการออกแบบ ซึ่งปัจจุบันหรือต่อไปในอนาคตยังจำเป็นต้องใช้การออกแบบ หรือ จะเรียกอีกอย่างว่า การทำเทมเพลต การทำกราฟฟิก โดยการหารายได้ผ่าน Canva ถือเป็นทางเลือกที่ดี สามารถทำได้ ดังนี้ 

  1. สร้างเทมเพลตขาย 
  2. Affiliate Program
  3. ขายผลงานออนไลน์ 
  4. สร้างงานออกแบบเพื่อการปรินต์ออนดีมานด์
  5. ขายอีบุ๊กบน Amazon KDP
  6. ขายงานออกแบบของเราเอง
  7.  วางตัวเองเป็น Canva Contributor
  8. รับจ็อบสอนการใช้งาน Canva
  9. เปิดคอร์สสอนคนใช้ Canva
  10. ขายเทมเพลต Canva ผ่านทาง Social media
  11. สร้าง Youtube Channel สอนการใช้งาน

ใน Canva มีให้ศึกษาอีกมากมายสำหรับการสร้างรายได้

สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.designil.com/10-business-ideas-with-canva/ 

5. การสร้างสื่อเพื่อสร้างรายได้ผ่านCanva กับ “DesignMeee” 

สำหรับน้องๆ ที่ศึกษาการใช้canva แล้ว หรือ อยากอัปสกิลของตัวเองเพื่อให้รายได้ที่เพิ่มขึ้น เมื่อชิ้นงานของเราสวยขึ้น มีดีไซน์ที่หลากหลายให้หลายๆ คนนำไปใช้ หรือ ทำเพื่อสร้างรายได้โดยตรงเช่น การรับออกแบบโลโก้ การรับทำสื่อการเรียนการสอน การรับทำอินโฟกราฟฟิก ที่สามารถสร้างได้จาก หลักร้อยสู้หลักหมื่อนได้เลย

สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.youtube.com/playlist?list=PLwVIOv9UTWwipXwmNcTPZh5wzeoLKX-kV 
รูปภาพจาก : https://www.youtube.com/c/DesignMeee 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับข้อมูลสำหรับการหารายได้พิเศษระหว่างเรียน หรือ ช่วงปิดเทอม ที่ปิดเทอมสร้างสรรค์ได้เเนะนำให้น้องศึกษาข้อมูลของงานที่จะทำ หรือ ตำแหน่งงานที่จะเลือกทำ เพื่อให้ตนเองได้เตรียมพร้อมต่อการทำงาน เตรียมพร้อมที่จะได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ การเตรียมศึกษาข้อมูลงานที่น้องไ จะทำถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าหากเรามีข้อเบื้องต้นอยู่เเล้วจะทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น เเละเป็นที่น่าเชื่อถือต่อการจ้างงานอีกด้วย 

วันของเด็กและเยาวชนตลอดทั้งปี มีอะไรบ้าง

ปิดเทอมสร้างสรรค์มามัดรวมวันสำคัญของเด็กๆ และเยาวชนมาให้ทราบกันว่ามีวันอะไรบ้างนะที่โลกใบนี้มอบให้แก่เราบ้าง

มกราคม 

วันเด็กแห่งชาติ  ทุกเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมของทุกปี

ครั้งแรกของประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อ สวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ ทำให้วันดังกล่าวเป็นวัน World Children’s Day เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ

เมษายน

2 เม.ย. วันรักการอ่าน

2 เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงมีคุณูปการต่อวงการหนังสือไทย เป็น วันรักการอ่าน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จึงมีวันดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อรณรงค์และส่งเสริมให้เด็กไทยอ่านหนังสือกันมากขึ้น ทั้งยังเป็นการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ไปด้วย โดยในแต่ละปีนั้น จะมีการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ (Bangkok International Book Fair) ขึ้นในช่วงนั้น เพราะต้องการให้เด็ก ๆ และเยาวชน สามารถมาร่วมงานสัปดาห์หนังสือฯ เพื่อเลือกซื้อหนังสือดีราคาถูก ที่แต่ละสำนักพิมพ์ขนมาจำหน่ายในงาน

มิถุนายน

12 มิ.ย. ของทุกปี “วันต่อต้านการใช้แรงงานเด็กโลก

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) กำหนดให้ วันที่ 12 มิ.ย.2545 เป็นวันต่อต้านการใช้แรงงานเด็กโลกครั้งแรก เพื่อให้ประเทศสมาชิกดำเนินการป้องกันและขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดไปอย่างเร่งด่วน

กรกฎาคม

29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ

ตรงกับวันที่ 29 กรกฎาคม ของทุกปี มีขึ้นเพื่อให้ประชาชนชาวไทยร่วมกันอนุรักษ์และใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง คงไว้ให้เป็นมรดกอันทรงคุณค่าของประเทศ หลายโรงเรียนจะเปิดโอกาสให้เด็กใส่ชุดไทยโรงเรียน

สิงหาคม

18 ส.ค. วันวิทยาศาสตร์

ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม ของทุกปี ความสำคัญของวันนี้คือเป็นวันเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง อันเป็นปรากฏการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงคำนวณทำนายไว้ก่อนล่วงหน้าถึง 2 ปีอย่างแม่นยำ และได้เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรที่ ตำบลหว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ในวันดังกล่าว เมื่อปี พ.ศ. 2411 ทำให้ส่วนใหญ่แต่ละจังหวัดจะจัดกิจกรรมที่เรียกว่า “งานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ”ขึ้น

กันยายน

20 ก.ย. วันเยาวชนแห่งชาติ

ตรงกับวันที่ 20 กันยายน ของทุกปี ทั้งนี้วันเยาวชนแห่งชาติมีขึ้นเพื่อให้เยาวชนในช่วงอายุ 15-25 ปี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเอง ชุมชน และประเทศชาติ โดยมีคำขวัญวันเยาวชนแห่งชาติ คือ “ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันพัฒนา ใฝ่หาสันติ”

พฤศจิกายน 

20 พ.ย. ของทุกปี คือวันเด็กสากล

ตั้งแต่ปี 2497 วันเด็กสากลถือกำเนิดขึ้นเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ของเด็ก ๆ ทั่วโลก และเป็นวันที่ยูนิเซฟจะร่วมแสดงพลังเพื่อเด็ก ๆ โดยเด็ก ๆ ได้มีส่วนร่วมในทุกปี โดยวันดังกล่าวยังเป็นวันครบรอบปฏิญญาว่าด้วยสิทธิเด็กปี 2502 และ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กปี 2532

DIY กระเพราไก่กรอบจากไก่ทอดที่กินไม่หมด

วัตุดิบ

  • กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
  • พริกขี้หนูจินดาสับ
  • ใบกะเพรา 1 ถ้วย
  • ซอสหอยนางรม
  •  ซีอิ๊วขาว
  • น้ำปลา
  • น้ำตาลทราย
  • น้ำมันพืช
  • ไก่ทอดที่เหลือหันเป็นชิ้นๆ

วิธีทำ

  1. โขลกพริกและกระเทียมพอหยาบ
  2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันเจียวกระเทียมและพริกให้พอหอม
  3. ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม น้ำปลา ซีอิ๊วดำ  น้ำตาลทราย ผัดจนเข้ากัน
  4. เร่งไฟแรงใส่กะเพราลงไปและตามด้วยไก่ที่หันเป็นชิ้นๆ ใส่ลงไปในกระทะ
  5. ผัดสักพักและตักเสริฟใส่จานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้และ นโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า