พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล อุตรดิตถ์

พิพิธภัณฑ์เมืองลับแล เป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราวประวัติของเมือง วิถีชีวิต และขนบธรรมเนียมการใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองลับแล โดยจำลองผ่านเรือนในแต่ละหลัง อาทิ สะพานไม้เข้าหมู่บ้าน จัดแสดงเครื่องปั่นฝ้าย กี่ทอผ้าขนาดใหญ่ บ่งบอกถึงวิถีการทอผ้าของสาวเมืองลับแล และในปัจจุบันอำเภอลับแล ยังเป็นแหล่งผลิตสินค้าหัตถกรรม เช่น ผ้าตีนจก ไม้กวาด ติดอันดับของประเทศ เครื่องสีข้าวโบราณและยุ้งฉาง แสดงให้เห็นอาชีพเกษตรกรรมของชุมชนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

 

พิพิธภัณฑ์พระยาพิชัยดาบหัก อุตรดิตถ์

พิพิธภัณฑ์พระยาพิชัยดาบหัก อยู่ห่างจากอำเภอพิชัยไปทางทิศตะวันออกประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นสถานที่เกิดของพระยาพิชัยดาบหักอาคารพิพิธภัณฑ์พระยาพิชัยดาบหัก ตกแต่งไว้อย่างสมบรูณ์ แบ่งการจัดแสดงเป็นเรื่องต่างๆ ได้แก่เรื่องชีวประวัติและวีรกรรมของพระยาพิชัยดาบหัก โดยละเอียด เรื่องศาสนา เรื่องศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นอำเภอพิชัย  รวมทั้งยังมีการจำลองวิถีชีวิตชาวพิชัยไว้อย่างสวยงาม

ไขความลับ ฝึกงานอย่างไรให้ได้ความรู้แบบแม็กซ์ รีบมามุงเร็ว!

ปิดเทอมเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดของเด็กนักเรียน นักศึกษา เพราะนอกจากจะมีเวลาพักผ่อนสมองแล้ว ช่วงเวลาดังกล่าวมีเด็กหลายคนทำให้ช่วงเวลานี้ “มีค่า” ขึ้นมาอีกด้วย

นั่นก็คือ การไปฝึกงานและทำงานพิเศษ ซึ่งทำให้ได้ทั้ง “เงิน” ได้ทั้ง “ความรู้” เวลาปิดเทอมจึงมีมูลค่าขึ้นมาทันที

ตัวอย่างที่เราจะไปพูดคุยกัน คนแรก

“ดิว” น.ส.นภัสสร พลูช่วย

นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการกระจายเสียงและแพร่ภาพ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ได้ฝึกงานที่สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง อยู่ในทีมเขียนบท บอกว่า

การฝึกงานคือการท้าทายตัวเอง ว่าสิ่งที่ตัวเองเรียนมา สามารถนำมาทำงานได้จริงหรือไม่ ก่อนฝึกเรามั่นใจประมาณ 50-80 % ไม่ได้เต็ม 100% ดังนั้น ก็เลยอยากมาพิสูจน์ตัวเองและที่สำคัญคือหากเราได้ลองทำ แต่เกิดไม่ชอบ หรือทำแล้วไม่ได้อะไรเพิ่ม ก็ไม่ใช่ทางตรงนี้

เรามีโอกาสได้เขียนซิทคอม ทั้งทีส่วนตัวไม่ได้เป็นคนตลกอะไรมาก แต่พอต้องมาเขียนบทตลก เราก็ต้องทำให้ได้ เหมือนกับพี่ๆ คนอื่นที่พอเรามารู้จักตัวจริงของเขาก็ไม่ได้เป็นคนตลกขนาดนั้น แต่เขาก็กลับเขียนออกได้สนุกมากๆ ตรงนี้ก็ทำให้ทึ่งไปเลย แล้วก็เป็นแรงผลักดันให้เราต้องพยายามให้มากขึ้น

การมาฝึกงานเหมือนเป็นการเปิดโลกให้รู้ว่าการทำงานที่แท้จริง มันต่างจากที่เราจินตนาการเอาไว้มาก โลกการทำงานจริงต้องอดทนสูงมาก เราต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงให้ได้ เราต้องเข้าใจการทำงานเป็นทีมที่สูงมาก ประสบการณ์ทีได้เป็นสิ่งมีค่าที่ไม่สามารถหาได้จากในห้องเรียนหรือคลาสไหน ตำราก็ไม่มีบอก”

น้องดิว น.ส.นภัสสร พลูช่วย 

แนน น.ส.ชุติภรณ์ กอร่ม

นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะสถาปัตย์กรรมศาสตร์ สาขาออกแบบสื่อนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่บอกไว้เหมือนกันว่า

ถ้าเราไม่ลองมาทำงานในบริษัท  เราจะไม่รู้เลยว่าเวลาการทำงานจริงนั้นเป็นอย่างไรเหมือนหรือแตกต่างจากที่เรียนมาหรือเปล่า เพราะการทำงานมีบางอย่างที่ในห้องเรียนไม่ได้มีสอน การมาฝึกงานที่ให้เราได้เรียนรู้เทคนิควิธีลัดต่างๆ ในการทำงาน ซึ่งทำให้พบว่ามีหลายรูปแบบที่จะทำให้งานออกมาได้ด้วย

“สิ่งที่สำคัญคือเรื่องความอดทนและความเข้าใจในการทำงานกับลูกค้า ถ้าเป็นตอนเรียน อาจารย์อาจจะยืดหยุ่นหรือ หยวนๆ กับเราได้ แต่พอเป็นลูกค้าแล้ว ลูกค้าอยากได้อะไร เราก็ต้องทำให้ได้แบบเป๊ะๆ ไม่มีการยืดหยุ่น และต้องทำงานให้ได้อย่างที่ลูกค้าต้องการไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนกี่ครั้งด้วย เรามองว่า การฝึกงานคือการเตรียมพร้อม ได้ประสบการณ์จริงและประสบการณ์ตรง”

น้องแนน น.ส.ชุติภรณ์ กอร่ม 

การแชร์ประสบการณ์จากการฝึกงานเห็นได้ชัดเลยว่า หลายคนได้ความรู้กันมาเต็มๆ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันไม่ได้มีเท่านี้ บางคนยังกระเป๋าตุ๋งกันเลยทีเดียว เหมือนกับ น.ส.ปัทมนันท์ สังข์พงษ์

น.ส.ปัทมนันท์ สังข์พงษ์

นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนศรีบุณยานนท์ ทำงานพิเศษที่ร้านชาบูชิ สาขา เซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต

น้องบอกว่า ที่ทำงานเพราะนอกจากจะได้ประสบการณ์ หนูอยากหารายได้เสริม เพราะที่ผ่านมา เวลาอยากได้อะไรอยากซื้ออะไรเราก็จะเกรงใจที่บ้านไม่กล้าขอเงินเพื่อไปซื้อของที่อยากได้ ก็เลยคิดว่าถ้ามาทำงานพิเศษก็จะช่วยแบ่งเบาภาระที่บ้านได้อีกทาง

“แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้กว่านั้นคือ ตอนที่คิดจะมาทำงาน เรามองว่า น่าจะโอเค. ทำได้ แต่พอมาทำงานจริงๆ แล้วก็รู้เลยว่าการทำงานที่แท้จริงมันทั้งหนักและเหนื่อยมาก ยิ่งบางวันที่ลูกค้าเยอะๆ หรือพนักงานลากันเยอะๆ คนทำงานก็จะน้อย เราก็จะเหนื่อยมาก ก็ต้องรับมือให้ได้ งานทุกงานไม่มีคำว่าสบาย และงานทุกงานย่อมให้ประสบการณ์แก่เรา”

ส่วนคำแนะนำที่อยากจะบอกเพื่อนๆ ทุกคนให้เตรียมพร้อมก่อนที่จะมาทำงานพิเศษก็คือ เตรียมร่างกายให้พร้อม ต้องทั้งแข็งแรงและอดทนให้มากๆ พร้อมเปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ

น.ส.ปัทมนันท์ สังข์พงษ์ 

นายพรชัย แจ้งบำรุง

นักเรียนชั้น ปวช.ปี 3 โรงเรียนวิทยาลัยตั้งตรงจิตร พณิชยการ ทำงานพิเศษอยู่ที่ร้านชาบูชิ เซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต

เล่าถึงการทำงานหารายได้พิเศษที่ร้านอาหารว่า นอกจากจะเป็นการหารายได้พิเศษแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะนำประสบการณ์ไปใช้ในการทำงานจริง ซึ่งพอมาทำก็มีทั้งเหนื่อยและสนุก และยังทำให้มีเพื่อนเยอะขึ้นด้วย   และถ้าหากจะแนะนำเพื่อนที่อยากกจะมาลองฝึกงานเราอยากให้ลองศึกษาเรื่องราวงานที่เราจะทำก่อนว่าทำอะไร เพื่อเตรียมความพร้อม ที่สำคัญเลยก็คือ ต้องอดทนและตั้งใจทำงานให้มากๆ อย่าท้อถอย

นายพรชัย แจ้งบำรุง 

คุณสาว สมฤดี  ช่างเจริญ

เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท มติชน มหาชน จำกัด

บริษัทฯ เรารับนักศึกษางานหลายรุ่น และให้ฝึกงานตามสาขาที่เรียนมาโดยทุกคนจะต้องผ่านการปฐมนิเทศเพื่อเรียนรู้กฎระเบียบทั่วไปของบริษัท  เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กร  เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของเด็กหลายรุ่นหลายยุค พบข้อดีของเด็กแต่ละยุคที่ไม่เหมือนกัน เช่น เด็กยุคก่อนจะมีความอดทนสูง ขณะที่เด็กสมัยนี้ ฉลาดขึ้น เก่งเทคโนโลยี แต่ความอดทนอาจจะน้อยกว่า


คำแนะนำเบื้องต้นที่จะบอกน้องๆ ที่มาฝึกงานก็คือ เรื่องการตรงต่อเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัททุกบริษัทให้ความสำคัญเหมือนกันหมด คุณจะมาสายหรือส่งงานช้าไม่ได้ เหมือนคำพูดที่ว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” ซึ่งนักศึกษาบางคนยังไม่ตระหนักหรือเข้าใจในเรื่องนี้ บางคนก็ยังชิลล์สบายๆ อยู่ แต่เมื่อคุณทำงานจริงแล้วจะทำแบบนั้นไม่ได้เลย

อีกอย่างคือเรื่องของความอดทน มารยาท และการเอาใส่ใจในสิ่งที่ทำ อยากให้รู้จักสังเกตว่าใครทำอะไร  ทำกันแบบไหน บางคนที่ทำตรงนี้ได้ดี แทบไม่ต้องบอกไม่ต้องแนะเขาก็เรียนรู้ได้เร็ว ซึ่งเป็นเรื่องดีเมื่อเวลาที่คุณไปทำงานจริง คุณก็จะพัฒนาและเติบโตได้เร็ว เด็กบางคนไม่ค่อยสนใจใส่ใจบางครั้งเอาแต่เล่นมือถือตรงนี้ก็อยากจะเตือนไว้ว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ค่อยน่ารัก เมื่อเรามาแล้วเราก็ควรจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทุกอย่างให้เต็มที่เพราะเชื่อว่าพี่ๆ ทุกคนพร้อมที่จะให้คำแนะนำสั่งสอนก็อยากให้น้องๆ พร้อมที่จะเรียนรู้เช่นกัน.

ปิดเทอมนี่และปิดเทอมต่อไป หากใครคิดอยากให้เวลามีค่าก็ลองฝึกงานกันได้ โดยช่องทางที่จะทำให้เข้าถึงตำแหน่งงานช่วงปิดเทอม สามารถเข้าไปค้นได้ที่ www.ปิดเทอมสร้างสรรค.com ที่มีงานมากถึง 3,000 ตำแหน่งทั่วประเทศ และเปิดตลอดทั้งปีอีกด้วย

ให้ปิดเทอมนี้ เป็นปิดเทอมแห่งการสร้างสรรคกันดีกว่า

เล่นกีฬา ช่วยฝึกความจำได้อย่างไร ไขความลับ “สมอง” ถอดรหัสจีเนียส

กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ!

เชื่อว่า ทุกคนคงรู้ประโยชน์ของกีฬาเป็นอย่างดีว่ามีประโยชน์กับตัวเองและร่างกายอย่างไร ไม่เพียงทำให้สุขภาพแข็งแรงเท่านั้น “การเล่นกีฬา” ไม่ว่าประเภทใดก็ตาม เป็นการ “บำรุงสมอง” ที่ทำให้สมองทำงานได้ทรงประสิทธิภาพในด้านต่างๆ มากขึ้น ทั้งการจำ การตัดสินใจ รวมไปถึงการยับยั้งอารมณ์

ผศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มาไขความลับของ “สมอง” ให้ทราบกันว่า การเล่นกีฬามีผลต่อสมองอย่างมาก ยกตัวอย่าง การที่พยายามใส่ข้อมูลลงไปในสมอง อย่างเวลาที่อ่านหนังสือติดต่อกันเป็นสิบชั่วโมง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองช้า เราจะจดจำอะไรไม่ได้แล้ว แต่เมื่อเราลุกขึ้นเพียงแค่ขยับร่างกาย จะทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงได้ดีขึ้น เมื่อกลับมาอ่านหนังสืออีกครั้ง ก็จะทำให้สมองจดจำได้มากขึ้น

ในเรื่องกลไกการจำกับการทำงานของสมองนี้ ผศ.ดร.ยศชนัน อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่า “สมองส่วนหน้า” ทำหน้าที่เกี่ยวกับการคิดและการตัดสินใจ “สมองส่วนหลัง” ทำหน้าที่เกี่ยวกับการมองเห็น “สมองส่วนข้าง” ทำหน้าที่เกี่ยวกับการได้ยิน และ “สมองส่วนกลางเยื้องหลัง” ทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับรู้ความรู้สึกของร่างกาย

“เมื่อเราขยับร่างกาย ออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬา “สมองส่วนกลาง” จะทำงาน และส่วนสำคัญของระบบประสาทกลาง หรือ “เปลือกสมอง” (cerebral cortex) เรียกสั้น ๆ ว่า คอร์เทกซ์ ก็จะหนาขึ้น ซึ่งเปลือกสมองนั้นมีผลต่อการทำงานของสมองทั้งในส่วนการคิด การจำ การพูด การมองเห็น-ได้ยิน และความรู้สึก เมื่อพวกนี้หนาขึ้น ก็จะตอบโจทย์เรื่องการเรียนรู้ การแปลผล การตัดสินใจดีขึ้น เหมือนเราได้บำรุงสมองให้แข็งแรง มีเลือดไปหล่อเลี้ยงดี ทุกสิ่งทุกอย่างการเรียนรู้จะดีขึ้น”

ผศ.ดร.ยศชนัน อธิบายอีกว่า มีงานวิจัยรองรับว่า คนที่ไม่ออกกำลังกายเลย เมื่ออ่านหนังสือจะจำได้แค่ประมาณหนึ่ง เช่น คนหนึ่งอ่านหนังสืออย่างเดียว 20 ชั่วโมง กับอีกคนอ่านแค่ 6 ชั่วโมง แต่แบ่งไปออกกำลังกายบ้าง คนหลังจะจำได้เยอะกว่า แต่ที่เราสงสัยว่าทำไมนักกีฬา เรียนไม่ดี อันนี้พบว่าเมื่อเล่นกีฬาเสร็จ เขาไม่อ่านหนังสือ แต่ถ้าตั้งใจเรียนอ่านหนังสือก็จะเรียนเก่งแน่ๆ อย่างนักกีฬาระดับโลกหลายคนที่เรียนเก่งมากๆ

“ฉะนั้น ถ้าอยากเรียเก่ง ก็ต้องมีทั้งการออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ให้มีสัดส่วนที่สมดุลกัน” อาจารย์ยศชนัน กล่าว อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องเล่นกีฬาหนักๆ อ.ยศชนัน แนพว่า เพียงแค่ทำกิจกรรมที่มีการขยับร่างกาย หรือการเคลื่อนไหว “ก็โอเคแล้ว” เพราะนี่คือ กุญแจที่เราสร้าง “เปลือกสมองให้พร้อมทำงาน”

อ.ยศชนัน ไขรหัสสมองให้ลึกลงไปอีกว่า ถ้าเราอยากจำอะไรที่เป็นระยะยาว หรือ ลอง-เทิร์ม เมมโมรี่ (Long-term memory) สมองส่วน “ฮิปโปแคมปัส” (Hippocampus) ซึ่งเปรียบเสมือน “หน่วยความจำ” ที่อยู่ในสมองส่วนกลาง จะทำหน้าที่อัพโหลดข้อมูลความจำระยะสั้น หรือ ชอร์ต-เทิร์ม เมมโมรี่ (Short-term memory) ให้เป็น ความจำระยะยาว

ฮิปโปแคมปัส จะมีขนาดใหญ่ขึ้น ในคนที่ออกกังกาย หรือ เล่นกีฬา ก็จะมีความสามารถในการจำอะไรที่เป็นลอง-เทิร์มได้ดีขึ้น ยำตัวอย่าง ถ้าเราจะท่องศัพท์ นั่งเฉยๆ จำไม่ได้ ถ้าเราได้เดินไปเรื่อยๆ ก็จะจำได้ การเรียนอะไรต้องใช้ความจำ ถ้ามีการเคลื่อนไหว หรือ มูฟเม้นท์ ก็จะทำให้การเรียนได้ง่ายขึ้น บางคน ที่ติดคำศัพท์ภาษาอังกฤษในห้องน้ำ หรือตามทางเดิน ก็ทำให้จำได้ง่ายขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะเห็นบ่อย แต่คีย์ของมันคือการเคลื่อนไหวที่ทำให้จำได้ง่ายขึ้น

จากฮิปโปแคมปัสความจำส่วนนี้ก็จะไปเก็บไว้ในเปลือกสมอง เมื่อเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเปลือกสมองก็จะหนาขึ้น ก็ยิ่งเก็บช้อมูลได้ดี ทั้งชอร์ต-เทิร์ม และลอง-เทิร์ม ก็จะดีหมด

หากกระนั้น ถ้าอ่านหนังสืออย่างเดียวโดยไม่เล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเลย อ.ยศชนัน ระบุว่า “ก็ไปได้ไม่ไกล” ดังนั้น ต้องมีสัดส่วนที่สมดุลกัน

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงแนะนำให้แบ่งการขยับร่างกายหรือการเล่นกีฬาออกเป็น 10-20-30 คือ เช้า 10 นาที บ่าย 20 นาที และเย็น 30 นาที

เด็กๆ ตื่นมาตอนเช้าอาจออกกำลังกายเบาๆ สัก 10 นาที หลังจากนั้นตอนเที่ยงอาจจะหากิจกรรมทำ 20 นาที และเย็นออกกำลังกายหนักๆ ไม่ว่าจะเป็นเตะฟุตบอล เล่นแบตมินตัน 30 นาที

นอกจาก ทำให้ความจำดีขึ้น การออกกำลังกายยังทำให้สมองส่วนปลายของฮิมโปแคมปัส ซึ่งเรียกว่า “อะมิเบล่า” (Amybala) ที่เป็นส่วนทำให้เรามีความรู้สึกวิตกกังวล ที่แต่เดิมมีขนาดใหญ่ ให้มีขนาดเล็กลง และอยู่ในขนาดที่เหมาะสมขึ้น

เมื่อสมองส่วนอะมิเบล่าเล็กลง ก็จะทำให้ความวิตกกังวลลดลง ช่วยในเรื่องต่างๆ ได้ดี เช่น อ่านหนังสือมาตลอดพอถึงวันจริงก็จะนิ่งสงบ ทำข้อสอบได้ไม่พลิกล็อก ผิดกับพวกที่ไม่ออกกำลังกาย แม้จะอ่านหนังสือมาเหมือนกัน แต่พอถึงวันจริง กลับประหม่า เครียด กังวล” นี่คือประโยชน์ของการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย

อย่างการไปเดินเล่นๆ ก็ทำให้สมองส่วนหน้าได้ทำงานเบาๆ ทุกส่วน เหมือนเครื่องสตาร์ช พอจะคิดอะไร ก็คิดออกง่ายขึ้น บางคนนั่งเฉยๆ คิดไม่ออก พอได้เดินไปเดินมา กลับคิดอะไรออกได้ดี อย่างสามก๊ก แม่ทัพเขาไม่นั่งประชุมกัน แต่เขาจะยืนคุยกัน

มาถึงตรงนี้ ก็ให้เกิดคำถามว่า การเล่นกีฬาแต่ละประเภทให้ประโยชน์กับสมองเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

อ.ยศชนัน อธิบายว่า ควรเล่นกีฬาหลายๆ ประเภทเพื่อฝึกสมองในหลายๆ ด้านให้ครบทุกส่วน ซึ่งจะช่วยในเรื่องการเรียน การจำ การลดความตึงเครียด การตัดสินใจ

“จะเล่นกีฬาอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่พยายามเล่นให้หลากหลาย เพื่อใช้สมองทุกส่วน และไม่จำเป็นต้องเล่นกีฬาแพงๆ หรือซื้ออุปกรณ์แพงๆ กิจกรรมอย่างโขน หรือรำไทยก็ช่วยได้ หรือกีฬาพื้นบ้าน ทั้งหมากเก็บ กระโดดเชือก ทุกอย่างทำได้หมด”

ปิดเทอมใหญ่นี้ อ.ยศชนัน แนะนำให้เด็กๆ เยาวชนแบ่งเวลามาเล่นกีฬาออกกำลังกายบ้าง

“ช่วงเวลาเรียน เด็กๆ อาจมีการทำกิจกรรมต่างๆ ทำจนทำให้ไม่ได้เล่นกีฬา ช่วงปิดเทอมก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้บำรุงสมอง อยากให้แบ่งเวลามาออกกำลังกาย เพื่อที่เมื่อเปิดเทอมจะได้พร้อมในการเรียนอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อสมองแข็งแรงก็ทำให้พร้อมจะเรียนรู้ แต่ก็ต้องทำควบคู่กันไประหว่างการเรียนกับการขยับร่างกาย อย่าขยับอย่างเดียว หรือเรียนอย่างเดียว แต่ต้องทำให้สมดุลกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด” อ.ยศชนัน ทิ้งท้าย

ปิดเทอมสร้างสรรค์ มาออกกำลังกายบำรุงสมองให้แข็งแรงกันเถอะ

เรียลซู สวนสัตว์แปลก พระนครศรีอยุธยา

เรียลซู สวนสัตว์แปลก เป็นขุมทรัพย์ความรู้ ที่รวบรวมสัตว์แปลกหายากหลากหลายชนิดและสายพันธุ์จากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ในที่เดียวกัน ผู้ข้าชมเข้าถึงข้อมูลได้หลากหลายช่องทาง อาทิ รูปภาพ วีดีโอ และเว็บไซต์ของสัตว์แต่ละชนิดผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่(Mobile devices) จอสัมผัส(Multitouches) และระบบแสดงผลทางจอ(Signage systems)ที่ครอบคลุมทุกโซนของสัตว์แต่ละประเภทที่ได้จัดอย่างเป็นระบบ (Systematics) เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์ แต่เป็นพิพิธภัณฑ์สิ่งมีชีวิต(Life Museum)

สวนสัตว์แมลงสยามเชียงใหม่

เป็นพิพิธภัณฑ์เชิงเรียนรู้แบบบูรณาการที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้นสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเด็กๆ โดยมีคำจำกัดความว่า “พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้และฟาร์มแมลงมีชีวิต”ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2549 โดย อาจารย์พิสุทธิ์ เอกอำนวย ผู้ซึ่งสนใจและรักงานด้านแมลงมาก ได้รวบรวมตัวอย่างแมลงจากทั่วโลกมานานกว่า 40 ปี มีทั้งแมลงแปลก แมลงหายาก แมลงสวยงามที่น่าสนใจมากมาย และได้นำมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการความรู้ด้านกีฎวิทยา เปิดให้เด็กๆ และผู้ที่สนใจเข้าชม ทั้งในรูปแบบแมลงสะสม และแมลงมีชีวิต เพื่อมุ่งหวังให้เป็นสถานที่ที่จะช่วยส่งเสริมเรื่องการศึกษา วิจัยพัฒนา และเผยแพร่ข้อมูลด้านกีฎวิทยาในเมืองไทยให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

สวนสัตว์ดุสิต

สวนสัตว์ดุสิตเดิมเป็นสวนหนึ่งของพระราชอุทยานสวนดุสิต  โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนพระองค์ โดยทรงนำกวางดาวจากชวา รวมทั้งสัตว์อื่นๆ หลายชนิด มาเลี้ยง

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่8 คณะรัฐบาลนำโดย จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานสวนสัตว์ดุสิต ให้เทศบาลนครกรุงเทพฯ ดำเนินการจัดสร้างเป็นสวนสัตว์และเป็นที่พักผ่อนของ ประชาชน และให้ชื่อว่า “สวนสัตว์ดุสิต” หรือที่ประชาชนทั่วไปเรียก “เขาดินวนา”

สวนสัตว์ขอนแก่น

ความเป็นมาของสวนสัตว์ขอนแก่น

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ได้มอบนโยบายให้องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ สำรวจพื้นที่บนภูเขาสวนกวาง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาสวนกวาง อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น คาบเกี่ยวกับกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ อำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี รวมพื้นที่ 3,338  ไร่ เพื่อก่อสร้าง  “อุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบน ขอนแก่น-อุดรธานี”  ซึ่งห่างจากตัวเมืองจังหวัดขอนแก่นมาอำเภอเขาสวนกวาง  ประมาณ  50  กิโลเมตร  และห่างตัวเมืองจังหวัดอุดรธานีมาอำเภอเขาสวนกวาง  ประมาณ  78 กิโลเมตร  อุทยานสัตว์ป่าอีสานตอนบนฯ ตั้งอยู่เลขที่  88 หมู่  8 ตำบลคำม่วง  อำเภอเขาสวกวาง  จังหวัดขอนแก่น  และได้ถือกำเนิดขึ้นในวันที่ 27 เมษายน 2552 จากการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ 4 หน่วยงาน ประกอบไปด้วย กรมป่าไม้  กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จังหวัดขอนแก่น และองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานทั้งสี่หน่วยงาน  การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ  สัตว์ป่าอย่างยั่งยืนและแนวความคิดคนกับป่า การวิจัย เป็นแหล่งเพาะขยายพันธุ์สัตว์ป่าที่หายาก และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นแหล่งเที่ยวชมสัตว์ป่าของจังหวัดขอนแก่น  จังหวัดอุดรธานี  และจังหวัดใกล้เคียง 

สวนสัตว์อุบลราชธานี

สวนสัตว์อุบลราชธานี เดิมเรียก อุทยานสัตว์ป่าอุบลราชธานี ภายหลังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี พระราชทานชื่อเป็น สวนสัตว์อุบลราชธานี      ในวันที่ 26 มีนาคม 2556 และเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 กรกฎาคม 2556

สวนสัตว์อุบลราชธานี ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวนดงฟ้าห่วน เลขที่ 112 ม. 17 ตำบล ขามใหญ่ อำเภอ เมือง จังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่จำนวน 1,217 ไร่ ในการดำเนินการได้มีการกำหนดเรื่องราวความคิดที่เป็นจุดสำคัญคือ Jungle Park คือการนำเอาสวนสัตว์เข้ามาผสมผสานกับความอุดมสมบูรณ์ของป่าภายในพื้นที่ โดยใช้การอนุรักษ์และหาผลประโยชน์จากสภาพพื้นที่ป่าแบบลดการทำลายสภาพพื้นที่เดิมให้มากที่สุด โดยสวนสัตว์อุบลราชธานี จัดแบ่งส่วนแสดงสัตว์ ทั้งหมด 10 ส่วนแสดง

สวนสัตว์เชียงใหม่

สวนสัตว์เชียงใหม่ ก่อตั้งขึ้นโดยนาย ฮาโรลด์ เมสัน ยัง (Mr.Harold Mason Young) มิชชั่นนารีชาวอเมริกัน ผู้เข้ามาเป็นอาสาสมัครสอนการยังชีพในป่าให้แก่พวกทหารและตำรวจชายแดน ในช่วงสงครามเกาหลี โดยอาศัยพื้นที่บ้านที่ตนเช่าอยู่คือ บ้านเวฬุวัน เชิงดอยสุเทพ ซึ่งเป็นของนาย กี และนาง กิมฮ้อ นิมมานเหมินท์ เป็นสถานที่เริ่มต้น โดยเริ่มเปิดเป็นสวนสัตว์เล็กๆ ของเอกชนขึ้น โดยจ้างคนพื้นเมืองและชาวเขาจำนวนไม่มากนักช่วยดูแล เหตุผลของการสะสมสัตว์ชนิดต่าง ๆ ของนาย ฮาโรลด์ เมสัน ยังจนสามารถจัดเป็นสวนสัตว์ เอกชนขึ้นได้นั้น แม้ไม่ปรากฏหลักฐานชัด แต่คงเนื่องด้วยความรักเมตตาต่อสัตว์เป็นพื้นฐาน และเพื่อศึกษานิสัยอากัปกิริยาต่างๆของสัตว์ชนิดต่างๆอย่างใกล้ชิดด้วยเพื่อประโยชน์ ในการประกอบอาชีพ เป็นอาสาสมัครสอนการยังชีพในป่าให้แก่ทหาร และตำรวชายแดน ซึ่งต้องผจญกับสัตว์ป่านานาชนิดเสมอ

หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2552 มีมติเห็นชอบให้สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ดำเนินการก่อสร้างหอดูดาวภูมิภาคสำหรับประชาชน จำนวน 5 แห่ง ในภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา สงขลา ขอนแก่น และพิษณุโลก เพื่อสร้างความตระหนักและความตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กระจายสู่ภูมิภาคต่างๆให้ประชาชนในทุกภูมิภาคมีโอกาสการเรียนรู้ดาราศาสตร์อย่างทั่วถึง และทัดเทียมกัน

 

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ศูนย์แห่งนี้จัดตั้งขึ้นเนื่องมาจากพระราชดำริ คือ เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมการศึกษา ทดลอง วิจัย และการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ทางการเกษตร เพื่อพลิกฟื้นสภาพแวดล้อมของเขาหินซ้อนให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม ด้วยการนำวิถีทางแห่งธรรมชาติมาใช้พลิกฟื้นผืนแผ่นดิน โดยการใช้ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก รวมถึงการปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน มีการสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร มีการจัดทำสวนกล้วยไม้ สวนพรรณไม้หอม และจัดทำแปลงสาธิตการเกษตรในรูปแบบต่าง ๆ ตามแนวทฤษฎีใหม่ เพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ และเป็นต้นแบบของการพัฒนาให้แก่พื้นที่อื่น ๆ

 

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้และ นโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า