ป็นป้อมที่จารึกอยู่ในความทรงจำของคนไทยและประวัติศาสตร์ชาติไทยมายาวนาน เพราะในสมัยนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเห็นว่า ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังแสวงหาเมืองขึ้น บรรดาประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ติดเขตแดนไทย ก็ถูกประเทศทั้งสองเข้าครอบครองไปหมดแล้ว นับเป็นภัยใหญ่หลวงสำหรับประเทศเล็ก ๆ อย่างประเทศไทย พระองค์จึงทรงหาวิธีป้องกันต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันทางน้ำ ทรงดำริให้ปรับปรุงป้อมต่าง ๆ ทางปากน้ำ โดยจ้างชาวต่างประเทศที่ชำนาญการทหารเรือเป็นที่ปรึกษาวางแผนในการปรับปรุง กิจการทหารเรือในครั้งนั้นด้วย
พิพิธภัณฑ์สื่อสารทหารเรือ สมุทรปราการ
พิพิธภัณฑ์สื่อสารทหารเรือจัดตั้งขึ้นตามดำริของ พลเรือตรี ศักดิ์สิทธิ์ เชิดบุญเมืองเจ้ากรมสื่อสารทหารเรือ โดยแต่งตั้งคณะกรรมการพิพิธภัณฑ์สื่อสารทหารเรือ ตามคำสั่งสส.ทร.(เฉพาะ) ที่ 22/2547 รับผิดชอบดำเนินการโดยมีคณะกรรมการดำเนินงานดังนี้ นาวาเอก อภิชัย อมาตยกุล รองเจ้ากรมสื่อสารทหารเรือ เป็นประธานคณะกรรมการพิพิธภัณฑ์สื่อสารทหารเรือ นาวาเอก ศูนย์ปืน โสมภีร์ ผู้อำนวยการกองวิทยุสื่อสาร เป็นเลขานุการ และคณะกรรมการ นาวาเอก พิชัย ล้อชูสกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนสื่อสาร เป็นหัวหน้าคณะทำงาน รวมทั้งผู้แทนหน่วยขึ้นตรงกรมสื่อสารทหารเรือ ข้าราชการและลูกจ้างสังกัดโรงเรียนสื่อสาร ร่วมเป็นคณะทำงาน
สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ สมุทรปราการ
สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์ ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ มีเนื้อที่กว่า 200 ไร่ สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นแหล่งผลิตอากาศบริสุทธิ์ สวนสาธารณะที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายสำหรับประชาชนและเป็นที่ศึกษาระบบนิเวศน์ของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ในท้องถิ่นและพื้นที่ใกล้เคียง จึงเปรียบเสมือนเป็นโอเอซิสแห่งหนึ่งของคนเมืองที่ต้องการมาสัมผัสธรรมชาติ วิถีชีวิตชุมชน และหลบหนีความวุ่นวายในกรุงเทพ
อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ สมุทรปราการ
ภายหลังจากที่มีการบูรณะป้อมพระจุลจอมเกล้า และก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสร็จสิ้นลงแล้ว ได้มีประชาชนและผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมสถานที่ และสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เป็นจำนวนมาก กองทัพเรือดำเนินการพัฒนาพื้นที่บริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า และเร่งรัดซ่อมแซมปรับปรุงเสือหมอบ และจัดทำพื้นแสดงวิวัฒนาการของทหารเรือไทยในการป้องกันประเทศ โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านภูมิสถาปัตย์และประวัติศาสตร์ ตลอดจนด้านการท่องเที่ยวเข้าร่วมหารือ เพื่อกำหนดแนวความคิดในการนำอาวุธเก่าแก่มาตั้งแสดงในรูปแบบพิพิธภัณฑ์ – อาวุธกลางแจ้ง บนพื้นที่ด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ โดยใช้ชื่อว่า “อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือป้อมพระจุลจอมเกล้า”
พิพิธภัณฑ์ครุฑ สมุทรปราการ
พิพิธภัณฑ์ครุฑของธนาคารธนชาต นับเป็นพิพิธภัณฑ์ครุฑแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย จัดสร้างจากแนวความคิดของผู้บริหารธนาคารธนชาต ที่ต้องการส่งผ่านความเคารพและความรู้ที่มีความสำคัญเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งพระเจ้าแผ่นดิน อีกทั้งยังตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อและความศรัทธาของคนไทยที่มีต่อองค์ครุฑ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครุฑในทุก ๆ ด้านให้แก่ผู้ที่สนใจ โดยมีพื้นฐานความเชื่อจากคติจักรวาลในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและศาสนาพุทธ อีกทั้งยังเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับสถาบันการปกครองของไทยอย่างลึกซึ้ง และครอบคลุมความเชื่อที่ปรากฏให้เห็นในสังคมไทยมาจนถึงปัจจุบัน
พิพิธภัณฑ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ
พิพิธภัณฑ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จัดตั้งขึ้นเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ภายในอาคารซึ่งมีพื้นที่ 900 ตารางเมตร โดยได้มีการจัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดชที่มีต่อ ทสภ. ซึ่งได้ทรงพระราชทานนามให้แก่ท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยว่า “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ซึ่งมีความหมายว่า “แผ่นดินทอง” นอกจากนี้ภายในพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมประวัติความเป็นมาของกิจการการบินในประเทศไทยและรายละเอียดในการก่อสร้าง ทสภ. โดยได้แบ่งเนื้อหาการจัดแสดงนิทรรศการออกเป็น 9 ห้อง ได้แก่
พิพิธภัณฑ์หล่มศักดิ์ เพชรบูรณ์
เมืองหล่มสักเป็นชุมชนที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทางประวัติศาสตร์และเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีหลักฐานของการเข้ามาอยู่อาศัยของชุมชน มีวัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีการดำรงชีวิต เอกลักษณ์ และภาษาถิ่นของตนเอง ซึ่งนับวันเอกลักษณ์ต่างๆ เหล่านี้กำลังจะถูกกลืนหายไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคโลกาภิวัฒน์ ภายในพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมและจัดแสดงข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ไว้เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ สามารถสร้างความรู้ความเข้าใจถึงประวัติศาสตร์ และเป็นแหล่งศึกษาทางด้านวัฒนธรรมประเพณีที่จับต้องได้ของคนในชุมชน
พิพิธภัณฑ์อาวุธและการสู้รบ (ฐานยิงสนับสนุนอิทธิ)
ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ) บริเวณนี้เคยเป็นฐานปืนใหญ่ยิงสนับสนุนการสู้รบ เป็นฐานสำคัญฐานหนึ่งในเข้ายึดพื้นที่ ในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ อยู่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 บริเวณรอยต่อ 3 จังหวัดพิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย งานแสดงที่นี่ส่วนหน้าจะเป็นซากของรถถัง รสพ.113 ของ ร.4 พัน 2 ที่ถูกจรวด RPGของ ผกค.ยิงในการคุ้มกัน ถัดมาจะเป็นหอตรวจการ ฮต.-13 (OH-13) ถัดมาเป็นฐานยิงอินทรีย์กลืนช้าง เป็นปืนใหญ่บากกระสุนยิงวิถีโค้ง 95 ขนาด 105 มม. ลูกยิงขนาดใหญ่มาก ตามมาด้วยฐานยิงพระยาตานี เป็นปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง ลูกยิงใหญ่กว่าฐานแรก ต่อจากนั้นก็จะมีรถแทรคเตอร์ตีนตะขาบ หุ้มเกราะคันนี้ใช้ในการเปิดเส้นทางให้กับทหารของเรา ติดกันจะเป็นห้องแสดงประวัติของการรบที่เขาค้อมีรูปภาพให้ดู ห้องจำลองของหน่วยแผนที่ ห้องฟังบรรยาย ห้องแสดงอาวุธที่เป็นข้าวของเครื่องใช้ของเหล่าทหารที่เสียสละชีพในการปฏิบัติในครั้งนั้น นอกจากนั้นก็จะมีเบิมที่เป็นห้องป้องกันมีกระสอบทรายวางประมาณ 5-6 จุด ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาทำกิจกรรมศึกษาประวัติศาสตร์
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ เพชรบูรณ์
เมืองศรีเทพ ปรากฏอยู่ในทำเนียบรายชื่อหัวเมือง เมื่อสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จออกตรวจราชการที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงได้ออกค้นหาพบโบราณสถานขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “เมืองอภัยสาลี” จากหลักฐานที่พบมีทั้งโบราณสถานและโบราณวัตถุ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งศิลปะแบบขอมและทวารวดี มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-18 ภายในอุทยานประกอบด้วย
ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมแบ่งส่วนจัดแสดงเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องประวัติการค้นพบ, ห้องยุคก่อนประวัติศาสตร์, ห้องศิลาจารึก, ห้องพระสุริยเทพ, ห้องศิวลึงค์, ห้องเมืองศรีเทพในปัจุบัน เป็นการสรุปข้อมูลเบื้องต้น
เปิดโอกาสให้ลูกวางแผนเที่ยว สร้างทักษะนักการบริหารจัดการอย่างคาดไม่ถึง
ปิดเทอมช่วงเวลาแห่งความสนุกที่เด็กหลายคนต่างเฝ้ารอคอย
เช่นเดียวกับพ่อแม่ที่มองหากิจกรรมยามว่างของเด็กๆ
“ค่าย” และ “การออกไปเที่ยว” ตามพิพิธภัณฑ์ ต่างจังหวัด หรือแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกของพ่อแม่
แล้วจะทำอย่างไรให้การออกไปเรียนรู้โลกกว้างอย่างสนุกและได้ประโยชน์สูงสุด
‘ครูหนู’ ดร.วรนาท รักสกุลไทย ผู้เชี่ยวชาญทางการศึกษาปฐมวัย มาให้เทคนิคที่น่าสนใจเมื่อลูกเริ่มโตขึ้นในวัยประถม 4 จนถึงมัธยมต้น ในการพาลูกเที่ยวหรือร่วมกิจกรรมปิดเทอมอย่างสนุกและสร้างสรรค์
หากพ่อแม่วางแผนให้ลูกร่วมกิจกรรมค่ายเป็นครั้งแรก พ่อแม่ควรให้เด็กได้รับรู้เป้าหมายเชิงบวก เช่น ความสนุก ได้เพื่อนใหม่ ทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย และรู้สึกมั่นใจ เตรียมใจว่าจะมีกิจกรรมอะไรเกิดขึ้น แล้วข้อพึงระวังคือ ไม่ควรพูดเชิงลบ เช่น “ฉันจะส่งแกไปดัดนิสัย” เพราะความสนุกจะหายไป ซึ่งการเริ่มต้นกิจกรรมค่ายเป็นครั้งแรกควรเริ่มจากระยะเวลาสั้นๆก่อน แค่ 1-2 วัน
การพาลูกออกค่ายหรือชวนไปเที่ยวต่างจังหวัด เป็นโอกาสดีที่ฝึกเด็กให้รู้จักวางแผนการไปเที่ยว เช่น การไปสำรวจป่า ชวนลูกให้เตรียมอุปกรณ์อะไรไปบ้าง มาตรวจอุณหภูมิล่วงหน้าถึงสถานที่ที่เราจะไปแล้วชวนลูกคิดว่าควรต้องเตรียมเสื้อผ้าอะไรบ้าง สอนให้ทำรายการสิ่งของที่เตรียมไป
“ลองจดสิลูกว่าควรเอาเสื้อ เอากางเกง และกางเกงในไปกี่ตัว?”
เพราะเวลาจัดค่ายครูจากหลายโรงเรียนมักแลกเปลี่ยนประสบการณ์อยู่บ่อยครั้งว่า นักเรียนลืมเอากางเกงในมา จึงเป็นโอกาสสอนทักษะชีวิตที่ดี รวมถึงสอนให้รู้จักบริหารจัดการการใช้เงิน เวลาไปค่ายต่างจังหวัดต้องรู้จักควบคุมการใช้เงินอย่างไรและควรเหลือสำหรับจำเป็นฉุกเฉิน รวมถึงมารยาทการเข้ากลุ่ม เคารพผู้ดูแลค่าย ซึ่งทั้งหมดท่าทีของพ่อแม่ต้องเป็นไปด้วยความผ่อนคลาย
นอกจากนี้ในการพาลูกไปร่วมกิจกรรมแต่ละครั้งคือ การให้เด็กได้บันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย หรือหากลูกชอบถ่ายภาพ ให้ถ่ายรูปแล้วผู้ปกครองมาช่วยกันเขียนบันทึกบอกเล่า พร้อมกับมีการนำแสดงผลงาน เช่น ทำเป็นอัลบั้มส่งให้ปู่ย่า ทำให้เด็กได้ชื่นชมผลงานและเรียนรู้ในการไปอย่างมีเป้าหมาย และสิ่งสำคัญคือ ควรอยู่บนพื้นฐานเคารพการตัดสินใจของลูก เพื่อสร้างแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ภายใน
9 วิธีสร้างทักษะชีวิตให้ลูกน้อย
การที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งวิชาการและเทคโนโลยีต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นทันสมัยและทุกคนต่างรีบเร่งทำชีวิตให้ไปถึงจุดหมายตามที่คาดหวัง มีการแข่งขัน แก่งแย่งชิงดี เพื่อการเป็นที่หนึ่ง การเอาชีวิตรอดทำให้ทุกคนไม่มีเวลาให้กันมากนัก
เมื่อทุกคนต่างอยู่กับตัวเองมากขึ้น ทำให้การพึ่งพาและดูแลกันน้อยลง ครอบครัวไทยในสมัยนี้เป็นครอบครัวที่อยู่กันแบบกระจัดกระจาย พ่อ แม่ ลูก ต่างหากินหาใช้กันเอง ลูกต้องวางอนาคตของตัวเองโดยไม่ต้องการคำชี้แนะจากครอบครัวอีกต่อไป
บางครั้งเด็กๆจึงเลือกเดินทางผิดไปเพราะไม่มีใครชี้ทางให้ อย่างไรก็ตาม อยากให้พ่อแม่ได้ตระหนักว่า หน้าที่ที่สำคัญนอกจากการเลี้ยงดูลูกก็คือการสร้างพื้นฐานเพื่อนำไปสู่อนาคตที่สดใสมั่นคงให้ ผู้เขียนจึงขอแนะนำวิธีที่คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกให้พร้อมสำหรับการเผชิญชีวิตในอนาคตได้อย่างดี ดังนี้
1.สอนมารยาทการเข้าสังคม การเคารพผู้ใหญ่ การกล่าวคำทักทาย คำขอโทษ คำขอบคุณ การพูดมีหางเสียง สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษและลูกสาวให้เป็นสุภาพสตรี สิ่งนี้ต้องฝึกให้ทำจนติดเป็นนิสัย อย่าเมินเฉยหากลูกไม่ปฏิบัติ เพราะจะทำให้เขาคิดว่าไม่สำคัญ แต่จริงๆแล้วมันสำคัญมากในการที่ลูกอยู่ในสังคมและจะเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้อื่น และง่ายต่อการเข้าสังคมอีกด้วย
2.สอนลูกให้ทำงาน การให้ช่วยเหลืองานบ้านเป็นการสร้างนิสัยให้มีความรับผิดชอบ ให้เห็นคุณค่าของการทำงาน ให้รู้ว่าการที่จะทำอย่างหนึ่งอย่างใดให้สำเร็จต้องลงมือทำ การอยู่เฉยๆอย่างไร้ประโยชน์จะทำให้ตนเองไม่มีคุณค่า และไม่มีความสามารถที่จะสร้างสรรค์สิ่งใดๆได้ เพราะเคยชินกับการที่ไม่ต้องทำหรือมีคนทำให้แทน จึงอาจทำให้ชีวิตจะต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่เรื่อยไป
3.สอนลูกให้เลือกทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี การสอนให้ลูกฉลาดเลือกเป็นสิ่งจำเป็น เพราะชีวิตจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่การเลือกของเราทั้งนั้น ลองปล่อยให้ลูกได้เลือกทำในสิ่งที่เขาต้องการ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดี แล้วให้เวลาดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เขาเลือก เมื่อผลลัพธ์นั้นแย่สำหรับตัวเขา เขาจะรู้เองว่าเขาจะต้องไม่เลือกแบบนี้อีก เขาจะได้เรียนรู้จากบทเรียนที่ผิดพลาดนั้นและไม่ทำอีก และจะได้รู้ว่าทางที่ดีที่ควรเลือกทำแล้วจะทำให้ชีวิตดีนั้นคือทางใด
4.การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ให้ลูกเห็นความสำคัญของการเรียน ยกตัวอย่างคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ส่วนใหญ่มีเบื้องหลังจากการเรียน มีการศึกษาที่ดี และมีความใฝ่รู้ในสิ่งที่ทำ อย่าให้ลูกติดเทคโนโลยีมากเกินไป ให้รู้จักรับผิดชอบการเรียน การทำการบ้าน การขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม จัดตารางเวลาสำหรับการเรียนให้ลูกอย่างเหมาะสม ไม่มากไม่น้อยเกินไป
5.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อย่าอ้างความไม่มีเวลาแล้วเลี้ยงให้ลูกกินแต่อาหารขยะหรืออาหารที่ไม่มีคุณค่า เพราะร่างกายต้องการอาหารที่ช่วยบำรุงสมองและสร้างร่างกายให้เจริญเติบโตแข็งแรง ควรฝึกให้ลูกรู้จักเลือกในการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ5หมู่ สอนให้กินอย่างพอดีในแต่ละมื้อ ไม่ตักหรือซื้อมาจนกินไม่หมดและสอนให้รับประทานทุกอย่างให้หมดอย่ากินทิ้งขว้าง สอนวิธีการถนอมอาหารและการปรุงอาหาร เพื่อให้รู้จักคุณค่าของอาหารแต่ละจาน
6.สอนให้รู้จักการใช้เงิน ควรสอนเรื่องการใช้จ่ายเงินอย่างพอเพียงกับรายได้ที่ได้รับ และการเก็บออมเพื่อสะสมทุนไว้สำหรับการใช้จ่ายในอนาคต ชี้แนะให้เห็นว่าการใช้จ่ายอย่างเหมาะสมจะไม่ทำให้เกิดปัญหาหนี้สิน ซึ่งอาจทำให้เกิดความทุกข์ในชีวิต สอนให้ลูกรู้จักคำว่าพอเพียง คือใช้เท่าที่มี ถ้าไม่มีก็ต้องทำงาน ต้องขยัน เพื่อจะได้มีใช้ และอย่าใช้ในสิ่งที่ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นในชีวิตและไม่ต้องอยากมีอยากได้เหมือนอย่างใครๆเขา ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรกับชีวิตของเรา
7.สอนลูกให้รักษาใจตนเอง ให้ดำเนินชีวิตด้วยใจที่ชื่นบาน ใจที่ถ่อม ใจที่เมตตา ใจที่ไม่ร้อนรน ให้รักษาใจเพราะใจคือชีวิต เมื่อเรามีใจที่ดีชีวิตก็จะดี ให้รู้จักการผ่อนคลาย สงบ ทบทวนถึงสิ่งที่ทำในแต่ละวันและเริ่มต้นใหม่ด้วยใจที่ดีในวันพรุ่งนี้ เพื่อทุกๆวันจะเป็นวันที่ดีสำหรับเรา
8.สอนลูกให้รักตัวเอง ดูแลสุขภาพตัวเอง มีความสุขกับตัวเอง ชื่นชมและให้กำลังใจตัวเอง เพื่อว่าในวันที่ลูกต้องเผชิญปัญหา หรือประสบกับความยากลำบาก ลูกจะพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ และจะอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างมีความสุข
9.สอนลูกให้รักษ์โลก ธรรมชาติถูกทำลายไปอย่างมากมาย แต่ทุกชีวิตต่างต้องพึ่งพาธรรมชาติ ดังนั้น เราควรสอนลูกให้รู้จักการรักธรรมชาติ ช่วยกันลดมลพิษ ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง สอนลูกเรื่องการแยกขยะชนิดต่างๆ ช่วยกันลดภาวะโลกร้อน และเมื่อเห็นเศษขยะควรเก็บและนำไปทิ้งในที่จัดไว้ สอนให้ลูกรู้ว่าโลกนี้จะอยู่ไม่ได้หากเราไม่ช่วยกันดูแล
คำสอนที่เราสอนลูกทุกอย่างนี้ จะทำให้ลูกสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในโลกที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคงและมีความสุข เราไม่สามารถอยู่กับลูกได้ตลอดชีวิตของเขา แต่คำสอนที่ดีและการใช้เวลาร่วมกันอย่างคุ้มค่าในทุกๆวินาที จะทำให้ลูกซึมซับถึงความรักและความอบอุ่นเอาไว้เพื่อจะช่วยให้ลูกมีกำลังใจที่จะสู้และดำเนินชีวิตของเขาต่อไปในอนาคตได้อย่างดีแน่นอน
ที่มา : สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต
ชี้เป้า 10 แหล่งเรียนรู้ น่าไปท่องเที่ยว – ทำกิจกรรม รับปิดเทอม
ปิดเทอมฤดูร้อนมาถึงแล้ว และเราเชื่อว่าตอนนี้บรรดาผู้ปกครองหลายคนต่างก็กำลังเสิร์ชกูเกิ้ล มองหาว่าจะพาลูกหลานไปเที่ยว ไปทำกิจกรรม หรือไปศึกษาหาความรู้ที่ไหนดีช่วงปิดเทอมโดยไม่จำเป็นต้องไปห้างสรรพสินค้า หรือไปสวนน้ำอย่างเดียว
เพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือกเรามี 10 สถานที่ที่เหมาะแก่การไปทำกิจกรรม ไปหาความรู้ช่วงปิดเทอม ความน่าสนใจคือหลายสถานที่ไม่จำเป็นต้องเป็นเด็ก ก็สามารถไปสนุกกับสถานที่เหล่านี้ได้เลย ไม่ใช่แค่ปิดเทอมเท่านั้น แต่เปิดเทอมแล้วก็ยังไปเที่ยวได้อยู่
โครงการป่าในกรุง
ศูนย์การเรียนรู้แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ที่ ปตท. เป็นผู้สร้างขึ้นมาโดยเนรมิตรพื้นที่กว่า 12 ไร่ ให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ไม่เพียงแค่มีต้นไม้เท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่เรียนรู้ต่างๆ กระจายอยู่ทั่วป่ากลางกรุง
ไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้คือ Sky Walk บันไดลอยฟ้าที่ทำให้เราเดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติจากมุมสูง และยังมีหอชมวิวที่ให้เด็ก หรือผู้ปกครองมองความสวยงามของธรรมชาติ เป็นการปลูกสำนึกให้เรารักธรรมชาติไปในตัว ที่สำคัญไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิด / ปิด : 09.00 – 16.00 น.
ที่ตั้ง : โครงการป่าในกรุง (สุขาภิบาล 2)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : pttreforestation
Canopy Walkway
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ของเชียงใหม่ เปิดโอกาสให้เราได้เดินชมธรรมชาติบนความสูงกว่า 20 เมตรจากพื้นดิน บนทางเดินเหนือเรือนยอดไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศกว่า 400 เมตร ที่ตลอดสองข้างทาง เราจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับการชมธรรมชาติ ป่าไม้ ทิวเขาในมุมที่ยากจะสัมผัสได้
นอกจากนี้ยังได้ศึกษาเรื่องราวของธรรมชาติไปพร้อมกันกับการเดินชมธรรมชาติด้วย แม้จะมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน แต่บรรยากาศโดยรอบกลับดูเย็นสดชื่นด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ค่าเข้าชมเพียง 40 บาท สำหรับผู้ใหญ่ และเด็ก 20 บาทเท่านั้น
เวลาเปิด / ปิด : 08.30-16.30 น
ที่ตั้ง : สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : qsbgcm
ท้องฟ้าจำลอง
แหล่งเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ที่มีไฮท์ไลต์อยู่ตรงการฉายภาพยนตร์เกี่ยวกับอวกาศจากเครื่องฉายดาวและสื่อมัลติมีเดียแบบ 360 องศา ให้อารมณ์และความรู้สึกเหมือนนั่งมองท้องฟ้า และจักรวาลอยู่เลย
ที่น่าสนใจคือมีนาคมนี้ ทางท้องฟ้าจำลองจะฉายภาพยนตร์เรื่องใหม่ชื่อ ‘จักรวาลอันเกรี้ยวกราด วิบัติกาลแห่งห้วงอวกาศ’ โดยจะให้ความรู้เรื่องหลุมดำ การตายของกลุ่มดาว และสิ่งต่างๆ ในอวกาศเป็นหนึ่งในภาพยนตรืสารคดีแบบ 360 องศาที่น่าชมมากๆ
เวลาเปิด / ปิด : 09.00 – 16.30 น.
ที่ตั้ง : ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา
รายละเอียดเพิ่มเติม : sciplanet
Flight Experience Bangkok
แหล่งเรียนรู้ด้านการบินที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปรวมถึงเด็กๆ มีโอกาสสัมผัสการเป็นกัปตันเครื่องบินพาณิชย์สักครั้ง Flight Experience Bangkok จะให้ทดลองขับเครื่องบิน Boeing737 ในค็อกพิทจำลองที่ทุกอย่างเหมือนกับในเครื่องบินจริงๆ
โดยเลือกได้ว่าอยากจะผ่านไปยังจุดไหนของโลก ส่วนการขับเครื่องบินจะมีเวลากำหนดตามแพ็คเกจว่าอยากฝึกระยะเวลาเท่าไหร่ เริ่มต้น 30 นาที ราคา 4,500 บาท
เวลาเปิด / ปิด : 10.00 – 21.00 น. (ต้องจองรอบก่อน)
ที่ตั้ง : เกทเวย์ เอกมัย ชั้น 2
รายละเอียดเพิ่มเติม : Flight Experience Bangkok
ดวงตวัน บ้านสวน
สถานที่สาธิตการเพาะปลูกตามวิถีเกษตรธรรมชาติบนพื้นที่กว่า 17 ไร่ แบบไม่ใช้สารเคมีใดๆ ซึ่งมี ‘แม่อุ้ย-อภิสิรี จรัลชวนะเพท’ เจ้าของอนุบาลบ้านรัก และผู้เชี่ยวชาญการศึกษาวอลดอร์ฟในไทย เป็นเจ้าของคอยดูแลจัดสรร แปลงเกษตรธรรมชาติเป็นขนาดย่อมๆ ให้แต่ละครอบครัวมาลองปลูกพืชผัก พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำในการวางแผนเพาะปลูก
และยังจัดเกษตรกรมืออาชีพมาช่วยดูแลแปลงผักให้แต่ละครอบครัวในช่วงที่ไม่ได้มาดูแปลงผักของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีสินค้าเกษตรธรรมชาติจากผืนดินนี้ แบรนด์ ‘แสงตวัน เกษตรธรรมชาติ’ จำหน่ายในราคาย่อมเยา สนใจสามารถโทรนัดเพื่อเข้าไปทดลองปลูกผักได้ที่ 088-883-6138
เวลาเปิด / ปิด : (โทรสอบถามก่อน)
ที่ตั้ง : ดวงตวัน บ้านสวน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : Duangtawan Baansuan
Dinosaur Planet
ธีมพาร์คที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับไดโนเสาร์ ซึ่งภายในมีหุ่นจำลองไดโนเสาร์มากมายจัดแสดงอยู่โดยแบ่งโซนการจัดแสดงตามยุคสมัย หรือพื้นเพถิ่นกำเนินที่ไดโนเสาร์ตัวนั้นอาศัยอยู่อ้างอิงจากความเป็นจริง พร้อมทั้งมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ร่วมสนุก
ไม่ว่าจะเป็นการจำลองการเอาชีวิตรอดจากกรงแร็ปเตอร์ หรือการทดลองเป็นนักบรรพชีวินขุดค้นหาซากฟอสซิลไดโนเสาร์ อีกไฮท์ไลท์ที่น่าสนใจคือการขึ้นชิงช้าสวรรค์หรือ ไดโนอาย เพื่อชมกรุงเทพฯ จากมุมสูง ค่าเข้าชมบัตรเด็ก 400 บาท และบัตรผู้ใหญ่ 500 บาท (ไม่รวมค่าขึ้นไดโนอาย)
เวลาเปิด / ปิด : 10.00 – 22.00 น.
ที่ตั้ง : Dinosaur Planet
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : dinosaurplanet
Snow Town Bangkok
เมืองหิมะขนาดใหญ่ใจกลางกรุงที่ให้เราได้สัมผัสกับประสบการณ์ความเย็นที่เต็มไปด้วยหิมะเทียมบนพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร เมืองหิมะมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งเล่นสกีหิมะ โดยมีผู้ฝึกสอนมืออาชีพดูแลอย่างใกล้ชิด และเพลิดเพลินกับการปั่นสโนว์แมน
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารอยู่ภายในที่ทำให้เราได้สัมผัสประสบการณ์กินอาหารท่ามกลางอากาศหนาว มองไปเห็นหิมะลอยละล่องอยู่ด้านนอก จนนึกว่าอยู่ที่สกีรีสอร์ทที่ญี่ปุ่นหรือเปล่าเนี่ย
เวลาเปิด / ปิด : 10.00 – 20.00 น.
ที่ตั้ง : ชั้น 5 ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : snowtownbangkok
ภาพจาก asiavacations.biz
๗ Art Inner Place
สตูดิโอศิลปะบำบัด ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่สนใจอยากให้ลูกหลานได้ศึกษาศิลปะในแนวมนุษยปรัชญา ล่าสุดตอนนี้ทางสตูดิโอศิลปะบำบัด เปิดตัวโครงการศิลปะสำหรับเด็กชื่อ ‘โรงเรียนในภูเขา’ จุดประสงค์คือการสอนให้เด็กๆ ได้รู้จักศิลปะแห่งความดี ความงาม ความจริง ที่มีอยู่ในเด็ก และมีอยู่ในโลกใบนี้
โดยผ่านการระบายสี ดนตรี และยูริธมี ซึ่งจะมีครูศิลปะผู้มากประสบการณ์ทั้งสามแขนงมาให้ความรู้อย่างลึกซึ้ง โครงการโรงเรียนในภูเขาเด็กๆ จะได้มาเรียนที่สตูดิโอแห่งนี้ 8 วันต่อหนึ่งเทอม แบ่งตารางการเรียนเฉลี่ยเดือนล่ะ 3 วันรวมทั้งสิ้น 3 เดือน รายละเอียดสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 093-235-6679
เวลาเปิด / ปิด : (โทรสอบถามอีกครั้ง)
ที่ตั้ง : ๗ Art Inner Place เชียงดาว
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : โรงเรียนในภูเขา
ตันแลนด์
พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ ที่ปลูกฝังเรื่องการใช้ชีวิตอย่างสมดุล เพื่อความสุขที่ยั่งยืนผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของ ‘อิชิตัน’ แบ่งการจัดแสดงออกเป็นสามโซนคือ โซนการผลิตชาเขียวที่ไม่ได้ให้ความรู้เรื่องกระบวนการผลิตเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ออแกนิกส์ กับการทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
โซนที่สองพูดถึงการฝ่าวิกฤตน้ำท่วมที่ผ่านของ ‘อิชิตัน’ ภายใต้แนวคิดการอยู่กับธรรมชาติอย่างสมดุลย์ และโซนสุดท้าย เป็นโซนที่ให้ความรู้เรื่องการทำธุรกิจโดยหากจับแนวคิดได้ เราก็สามารถคิดและสร้างธุรกิจของตัวเองได้ เข้าชมฟรี
เวลาเปิด / ปิด : 10.00-16.00 น. (หยุดทุกวันเสาร์)
ที่ตั้ง : ตันแลนด์ อยุธยา
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : tanland.ichitan
Siam Serpentarium
พิพิธภัณฑ์แห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียที่นำเสนอเรื่องราวของงูมุมมองใหม่ที่น่าสนใจ เปลี่ยนภาพจากที่เราคุ้นเคยว่างูคือสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวให้เราได้รู้จัก และเข้าใจวงจรชีวิตของสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้มากยิ่งขึ้นว่างูไม่น่ากลัว (แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเดินไปจับงูแล้วลูบหัวเล่นได้นะ) ผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงออกมาได้อย่างตื่นตาตื่นใจ กับศูนย์จัดแสดงงูนานาชนิด นอกจากนี้ยังมีโรงละครที่แสดงศิลปะระหว่างคนกับงูด้วย ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 350 บาท เด็ก 150 บาท
เวลาเปิด / ปิด : 08.30 – 17.30 น.
ที่ตั้ง : Siam Serpentarium
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : siamserpentarium.com