“น่าเบื่อ” ชายหนุ่มคนหนึ่งตอบเพื่อนไปแทบจะทันทีหลังจากที่ถูกถามว่าการฝึกงานของเขานั้นเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนจะเล่าต่ออย่างเซ็ง ๆ ว่าเขาแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากถ่ายเอกสาร จัดเอกสาร และเดินเอาเอกสารจากแผนกนั้นไปให้แผนกนี้
เชื่อว่านักศึกษาฝึกงานหลายคนก็คงจะเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ต่างกัน หลายบริษัทมักจะไม่ให้ความสำคัญกับนักศึกษาฝึกงาน รับเข้ามาเพียงเพราะเป็นนโยบาย แล้วให้พวกเขาเหล่านั้นมีหน้าที่เพียงแค่ชงกาแฟ หรือถ่ายเอกสาร ซึ่งการที่บริษัทไม่ให้ความสำคัญกับนักศึกษาฝึกงาน นอกจากจะทำให้เด็กไม่ได้เรียนรู้การทำงานจริง ๆ แล้ว บริษัทเองก็อาจไม่ได้เห็นศักยภาพ หรือพลาดโอกาสดี ๆ ด้วยเช่นกัน JobThai.com/REACH จึงจะพาไปดูว่าหากบริษัทให้ความสำคัญที่จะสอนงานนักศึกษาฝึกงานอย่างจริงจัง มันจะเกิดข้อดีอย่างไรบ้างสำหรับองค์กร
- มอบหมายงานงานและให้นักศึกษาฝึกงานมีส่วนร่วมกับองค์กร หรือโปรเจกต์ต่าง ๆ อย่างจริงจัง เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพ และองค์กรเองก็จะได้ไม่เปลืองทรัพยากรต่าง ๆ ไปโดยเปล่าประโยชน์
- นักศึกษาฝึกงานหลายคน สามารถเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ที่ช่วยแบ่งเบาภาระงานของคุณได้
- นักศึกษาฝึกงานอาจให้มุมมอง หรือความรู้ใหม่ ๆ ได้อย่างดี
- การสอนงาน และให้คำแนะนำเรื่องงานแก่นักศึกษาฝึกงาน นอกจากตัวเด็กจะได้รับความรู้แล้ว พนักงานเองก็ยังจะได้ฝึกฝนทักษะการเป็นผู้นำ และทักษะการสื่อสารไปพร้อมกันด้วย
- ถ้านักศึกษาฝึกงานที่รับมามีคุณสมบัติที่เหมาะสมจะทำงานในบริษัทคุณ ก็สามารถเสนอให้เขามาทำงานหลังเรียนจบได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาหาพนักงานใหม่ และเสี่ยงว่าจะทำงานได้ดีหรือไม่
1. มีผู้ช่วยคนสำคัญ
นักศึกษาฝึกงานที่หลายคนละเลย อาจกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ ที่ช่วยให้งานบางอย่างสำเร็จได้รวดเร็วมากขึ้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความรู้ความสามารถในทุกด้าน นักศึกษาฝึกงานที่คุณมองว่าเป็นเพียงนักศึกษา ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน จริง ๆ แล้วเขาอาจมีความสามารถอะไรบางอย่างที่ช่วยแบ่งเบาภาระการทำงานของคุณ หรือช่วยให้คุณทำงานออกมาสำเร็จได้อย่างราบรื่นมากขึ้นก็ได้
2. องค์กรได้รับความรู้ และมุมมองที่แปลกใหม่
ทุกครั้งที่คุณมีโอกาสได้คุยเรื่องธุรกิจ หรือการทำงาน กับคนอื่น ๆ นอกเหนือจากคนในองค์กร หรือคนที่ต้องทำงานร่วมกันเป็นประจำ จะทำให้คุณได้เรียนรู้ และได้แนวคิดอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ เช่นเดียวกัน การมีนักศึกษาฝึกงานอยู่ในบริษัท ก็จะทำให้คุณได้เรียนรู้มุมมองใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งได้รับความรู้ใหม่ ๆ ที่คุณไม่เคยรู้ หรือไม่ถนัด ซึ่งวิธีที่จะทำให้คุณจะได้รับสิ่งเหล่านี้นั้น คุณต้องไม่ลืมที่จะให้นักศึกษาฝึกงานมีส่วนร่วมในการเข้าประชุม หรือการวางแผนงานต่าง ๆ และเปิดโอกาสให้เขาได้พูดและแสดงความคิดเห็นบ้าง
3. พนักงานได้พัฒนาทักษะด้านการเป็นผู้นำ
การมีนักศึกษาฝึกงานอยู่ในองค์กร นับเป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานของคุณได้ทำความรู้จัก พูดคุย และสอนงานนักศึกษาฝึกงานเหล่านั้น ซึ่งการที่พนักงานมีโอกาสได้เป็นที่ปรึกษา และสอนงานนักศึกษาฝึกงานนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อทั้งบริษัทและตัวเด็กเอง การที่พนักงานมีโอกาสได้สอนนักศึกษาฝึกงานในการทำงานแต่ละขั้นตอน จนกระทั่งงานออกมาสำเร็จได้ จะเป็นการช่วยพัฒนาทักษะด้านการเป็นผู้นำที่ดี และทักษะการสื่อสารให้กับพวกเขา ซึ่งเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นทักษะที่สำคัญมากในการทำงาน และการทำให้บริษัทเจริญก้าวหน้าได้อย่างดี
4. องค์กรอาจได้พนักงานประจำที่มีความสามารถ
แทนที่จะจ้างพนักงานใหม่ที่คุณไม่เคยร่วมงานด้วยมาทำงาน ทำไมถึงไม่จ้างคนที่เคยฝึกงานกับคุณ เคยเรียนรู้ระบบการทำงาน และวัฒนธรรมบริษัทของคุณแล้วแทน เพราะช่วงที่เขามาฝึกงาน ก็เปรียบเสมือนช่วงทดลองงาน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่คุณจะได้ทดสอบว่าเด็กที่คุณรับมาฝึกงานนั้นมีความสามารถมากแค่ไหน เข้ากับคนในทีมได้หรือไม่ และหากคุณแน่ใจว่าความสามารถและลักษณะนิสัยของเขาเหมาะที่จะทำงานอยู่ในองค์กรของคุณ คุณก็สามารถพูดคุยและเสนอให้เขาเข้ามาทำงานกับคุณหลังจากจบการศึกษาได้ทันที โดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลามองหาพนักงานใหม่ และไม่ต้องเสี่ยงว่าเขาจะทำงานออกมาได้ดีหรือไม่
อย่างไรก็ตาม การที่การฝึกงานจะออกมาประสบความสำเร็จ และได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ทั้งนักศึกษาและฝั่งองค์กร ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นอกเหนือจากที่ตัวเด็กเองจะต้องกระตือรือร้นและขวนขวายที่จะเรียนรู้แล้ว ทางฝั่งขององค์กรก็ควรที่จะให้ความสำคัญเรื่องนี้ด้วย
แล้วทำอย่างไร การรับนักศึกษาฝึกงานถึงจะออกมามีประสิทธิภาพมาที่สุด ?
คัดเลือกนักศึกษาฝึกงานที่ตรงกับความต้องการ
การหานักศึกษาฝึกงานก็ไม่ต่างกับการหาพนักงานใหม่มากนัก สิ่งแรกที่ควรทำคือ การคิดว่าทักษะ ความสามารถ คุณสมบัติ และลักษณะนิสัยแบบไหนที่คุณต้องการ และคิดว่ามีประโยชน์ต่อองค์กรของคุณมากที่สุด เพราะมันจะทำให้คุณสามารถหาคนที่เหมาะสมมากที่สุดจริง ๆ
เมื่อได้คุณสมบัติของนักศึกษาฝึกงานที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการมองหาช่องทางที่จะทำให้คุณได้นักศึกษาฝึกงานที่มีคุณภาพและมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น การลงประกาศผ่านทางเว็บไซต์หางาน หรือการติดต่อไปที่มหาวิทยาลัยและคณะที่คุณต้องการโดยตรง รวมไปถึงการติดต่อผ่านทางองค์กรที่เป็นสื่อกลางในการช่วยประสานงานระหว่างนักศึกษาที่ต้องการหาที่ฝึกงานและบริษัทที่เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เข้ามาฝึกงาน
ช่วยให้เขาได้ใช้ศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่
หลังจากได้นักศึกษาฝึกงานที่มีคุณสมบัติตรงตามที่คุณหาแล้ว ก็อย่าลืมทำให้เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในทีม ผ่านการปฐมนิเทศแนะนำบริษัท และแนะนำสิ่งต่าง ๆ ที่เขาจำเป็นต้องเรียนรู้ รวมถึงแนะนำเขาให้กับคนในบริษัทรู้จักด้วย และสิ่งสำคัญที่สุดคือ นักศึกษาฝึกงานล้วนต้องการที่จะเรียนรู้ทักษะด้านต่าง ๆ ในการทำงานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณควรจะมอบหมายงานที่จะทำให้เขาได้ใช้ความสามารถที่เขามี ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาศักยภาพและทักษะในการทำงานของเขาด้วย เพื่อที่การฝึกงานของเขาจะไม่เป็นการเสียเวลา และเปลืองทรัพยากรในด้านต่าง ๆ ไปโดยใช่เหตุ
ที่มา https://www.jobthai.com