ปิดเทอมนี้เชื่อว่าคุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองคงจะมีโปรแกรมดีๆ เตรียมไว้ให้น้องๆ หนูๆ ได้ใช้เวลาที่จะว่างกันจริงๆ จังๆ กันบ้างแล้ว บางคนอาจจะเรียนพิเศษทางด้านวิชาการ หรือเสริมทักษะต่างๆ หรือบางคนอาจจะทำกิจกรรมที่น่าสนใจอยู่ที่บ้าน ขณะที่เด็กบางคนต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน หรือไปใช้ชีวิตอยู่ในที่ทำงานของผู้ปกครอง
อย่ากระนั้นเลย วันนี้เรามีกิจกรรมทางเลือก และสถานที่ดีๆ มานำเสนอ ซึ่งมั่นใจว่ามันจะให้ทั้งความสนุกสนานเพลิดเพลิน ผสมผสานความรู้แบบแยบยลและลงตัว อีกทั้งยังได้ช่วยขยับร่างกายซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งสำคัญกับเด็กๆด้วย มาเตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปด้วยกันเลย
1. HARBORLAND HARBOR PATTAYA
สนามเด็กเล่นในร่มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ภายใต้แนวความคิดอาณาจักรความสนุกแห่งโลกใต้ท้องทะเล มีพื้นที่กว่า 2,500 ตร.ม. มาตรฐานความปลอดภัยและความสะอาดของเครื่องเล่oนานาชนิด เหมาะสำหรับเด็กที่อายุไม่เกิน 13 ปี และครอบครัว
ฮาร์เบอร์แลนด์ พัทยา ตั้งอยู่ที่บริเวณ ชั้น 7 ศูนย์การค้าฮาร์เบอร์ พัทยา เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 – 21:00 น.
และนอกจากนี้ ฮาร์เบอร์แลนด์ ยังมีสาขาบริการอยู่มากมายทั่วประเทศ อาทิ เกทเวย์ เอกมัย / แฟชั่น ไอซ์แลนด์ / เมกาบางนา / เทอร์มินอล 21 โคราช / ชลบุรี / ศรีราชา / อุดรธานี เช็กค่าบริการได้ที่ www.harborlandgroup.com
credit : ภาพจาก harborlandgroup.com
2. บ้าน ๑,๐๐๐ไม้ Cafe & Farm จังหวัดปทุมธานี
คาเฟ่ริมคลองบางเตย น่ารักสไตล์บ้านๆ มีแปลงนา กับ บ่อปลาเล็กๆ เอาไว้ แล้วเปิดโอกาสให้พ่อแม่ผู้ปกครองพาเด็กๆ ไปร่วมทำกิจกรรมพิเศษกันทั้งครอบครัวตลอดทั้งวัน ในรูปแบบการเรียนรู้ชีวิตเกษตรกร ทั้งดำนา ปลูกผัก เก็บไข่เป็ด ทำไข่เค็ม ปลูกผักในแก้วกาแฟ รวมถึงมีการพายเรือเล่นน้ำในสระ
โดยที่นี่จะเปิดเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์ 10.00-17.00น. ค่าเข้าฟรี (มีจำหน่ายอุปกรณ์ในบางกิจกรรม)
โดยวันเสาร์และอาทิตย์แรกของเดือนจะมีการเปิดตลาดนัดเกษตรกรด้วย
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก บ้าน๑,๐๐๐ไม้cafe’&farm
3. พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร)
นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มุ่งมั่นจะเพิ่มพูนความรู้มากมายให้กับเด็กๆ แล้ว ที่นี่ยังเป็นสนามเด็กเล่นที่่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เพลิดเพลิน แต่ไม่ทิ้งเอกลักษณ์ในการมาพร้อมกับความรู้ต่างๆด้วย ทำให้พิพิธภัณฑ์เด็กฯ กลายเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เราอยากจะนำเสนอ นอกจากภายในที่มี กิจกรรมสร้างสรรค์อย่าง การเรียนรู้อวัยวะของฉัน โซนมุมมองพิศวง ละครโรงเล็ก Kid’s Playhouse ให้เด็ก ๆ ได้ใช้จินตนาการอย่างเต็มความสามารถผ่านบทบาทสมมติ และกิจกรรมการทำอาหารให้เด็กๆ ได้รู้จักคุณค่าทางโภชนาการ รวมไปถึงกิจกรรมวิทยาศาสตร์อย่างนักสืบไดโนเสาร์ เรียนรู้ลักษณะของไดโนเสาร์ประเภทต่างๆ ผ่านฟอสซิล รวมถึงการขุดเจาะหากระดูกไดโนเสาร์แบบสมจริง ส่วนด้านนอกก็จะได้สนุกกับกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งสวนน้ำ เครื่องเล่นปีนป่าย และการผจญภัยในป่า
พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร) ตั้งอยู่ที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ (จตุจักร)
เปิดทำการอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 16.00 น. (ค่าเข้าชม ฟรี)
ภาพจากเฟซบุ๊ก : พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 “จตุจักร”
4. สวนนงนุช พัทยา
เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งซึ่งประกาศตนว่าเป็นสถานที่ที่อนุรักษ์ธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช้าง โดยล่าสุด สวนนงนุช พัทยา เพิ่งต้อนรับสมาชิกใหม่ เชือกที่ 2 ของปี 2562 “พังแสงเดือน” ไปเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ ช้างในสวนนงนุชมีจำนวนทั้งสิ้น 88 เชือกแล้ว นอกจากนี้หากได้แวะไปที่สวนนงนุช คุณพ่อ คุณแม่ ยังจะมีโอกาสได้ชื่นชมธรรมชาติ กับ สวนสวยระดับโลก การแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทย ช้างแสนรู้ รวมถึง หุบเขาไดโนเสาร์ ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพิ่งสร้างไดโนเสาร์พันธุ์ “ซอโรโพไซดอน (sauroposeidon)” เหมือนจริง จำนวน 2 ตัว มีขนาดความสูง 16 เมตร ยาว 36 เมตร โดยมีแนวคิดที่จะสร้างแหล่งเรียนรู้ให้แก่เด็กๆ และเยาวชนไทยได้ศึกษาสู่ยุคประวัติศาสตร์เมื่อหลายล้านปีก่อน
ปัจจุบันได้มีการสร้างไดโนเสาร์ขึ้นมาแล้วถึง 40 สายพันธุ์ 315 ตัว และกำลังสร้างให้ครบทุกสายพันธุ์ที่มีอยู่บนโลกใบนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้
ติดตามแพ็กเกจราคาต่างๆ ได้ที่ เฟซบุ๊กเพจ “สวนนงนุช พัทยา Nongnooch Gardden Pattaya”
ภาพจาก เฟซบุ๊กเพจ “สวนนงนุช พัทยา Nongnooch Gardden Pattaya”
5. พิพิธภัณฑ์ของเล่น Tooney Toy Museum จังหวัดนนทบุรี
พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมของเล่นนับแสนชิ้นจากทั่วทุกมุมโลก ให้คุณได้ตื่นตา ตื่นใจ โดยไอเดียเกิดมาจากความตั้งใจที่จะนำเสนอจินตนาการและการสะสมของเล่นที่คลั่งไคล้ในวัยเด็ก สร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีหลากหลายโซน อาทิ Nano Block ตัวต่อขนาดจิ๋ว, กันดั้ม, บาร์บี้ ราชินีแห่งตุ๊กตา, โมเดล การ์ตูนทั้งของญี่ปุ่นและตะวันตก ฯลฯ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ความสุข สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับเด็ก ๆ และผู้ใหญ่หัวใจเด็กที่จะได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาที่ตัวเองก็กำลังคลั่งไคล้ของเล่นเหล่านี้เช่นกัน
ภายในประกอบด้วย พื้นที่อาคารจัดแสดงหรือพิพิธภัณฑ์ (Toy Museum) ร้านขายของเล่น (Toy Store) และร้านกาแฟ (Coffee Cafe)
งานนี้จึงเหมาะกับทั้งเด็กและผู้ปกครองเลยทีเดียว
พิพิธภัณฑ์ของเล่น Tooney Toy Museum เปิดวัน ศุกร์, เสาร์, อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 น. – 20.00 น. กรุ๊ปทัวร์, ทัศนศึกษา เข้าชม วันอังคาร, พุธ, พฤหัส
ราคาเข้าชม ผู้ใหญ่ 150 บาท, เด็ก 100 บาท (สูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร) เด็กสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร เข้าชมฟรี ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.tooneymuseum.com
ภาพจากเฟซบุ๊ก Tooney Toy Museum
6. เมลรีพับบลิค (Camel Republic)
สถานที่ท่องเที่ยว ที่ผสมผสานระหว่างสวนสัตว์และสวนสนุกเข้าด้วยกันตกแต่งแบบโมร็อคโค ให้เด็กๆ ได้เพลิดเพลินไปกับการให้อาหารสัตว์ เช่น อูฐ อัลปาก้า มาร่า นกฟามิงโก้ ปลาคราฟ และอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีโซนเครื่องเล่นสุดมัน นำเข้ามาจากต่างประเทศ มีที่เดียวในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็น Skyfly และมีหนึ่งเดียวในเอเชียคือ Flying Macaw, Eagle Zipline, Zero Gravity ฯลฯ
และยังมีโซนขายของที่ระลึกน่ารักๆ ตุ๊กตาสัตว์ต่างๆ เสื้อยืดลายสัตว์น่ารักๆ ที่จะทำให้คุณได้ซื้อติดไม่ติดมือกลับไปฝากคนใกล้ชิดอย่างแน่นอน
ค่าเข้าชม คนไทย 120 บาท / ชาวต่างชาติ 150 บาท / เด็กส่วนสูงไม่เกิน 100 ซ.ม. เข้าฟรี
เวลาเปิดทำการ วันจันทร์ – วันศุกร์ 10:00 – 18:00 น. เสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09:00 – 18:30 น. หยุดให้บริการทุกวันพุธ ติดตามโปรโมชั่นต่างๆได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ Camel Republic สวนอูฐ ชะอำ
ภาพจาก camel-republic.com และ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Camel Republic สวนอูฐ ชะอำ
7. บลู มังกี้ Blue Monkey
บลู มังกี้ เป็นสนามเด็กเล่นในร่ม ตั้งอยู่บนถนน พุทธมณฑลสาย 1 กรุงเทพฯ เป็นสนามเด็กเล่นที่มีเป้าหมายให้เด็กๆ ได้เล่นแบบที่ต้องคิด เรียนรู้ และลงมือทำ เป็นการสร้างศักยภาพทางการเรียนรู้ และการจินตนาการให้กับเด็ก ผ่านการมองเห็น การได้เยิน และการรับรู้ทางด้านอื่นๆ เพื่อนำความรู้ไปใช้งานจริง แก้ไขปัญหาต่างๆ และยังเป็นรากฐานในการรวมประสบการณ์และกระบวนการเรียนรู้เข้าด้วยกัน ทำให้ที่นี่มีกิจกรรมหลายอย่าง หลายรูปแบบ ให้ได้สนุกสนานเพลินเพลิน ได้เสียเหงื่อไปกับการออกกำลังกาย มีกิจกรรมที่ต้องทำกันเป็นหมู่คณะ โดยสามารถเลือกทำกับเพื่อนหรือครอบครัวได้
เด็กๆ จะได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ และรู้จักการแบ่งปัน และสร้างผลงานด้วยตนเอง ที่นี้มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เหมาะสำหรับเด็กเริ่มคลานจนถึงอายุ 13 ปี
เวลาเข้าชม : เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 19.00 น.
ค่าเข้าชม : เด็กเล็ก (สูงไม่เกิน 105 ซม.) ราคา 200 บาท / เด็กโตอายุไม่เกิน 13 ปี 320 บาท / ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็กอ่อน และผู้สูงอายุ ฟรี
สอบถามเพิ่มเติม : 02-408-8790
ภาพจาก www.bluemonkeyplay.com และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ Blue Monkey World
8. Funarium (ฟันเนเรี่ยม)
สนามเด็กเล่นในร่มที่ เน้นเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยระดับมาตรฐานโลก ภายในมีโซนน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โซนเด็กเล็ก ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อเพิ่มพัฒนาการของเด็กเล็ก ตั้งแต่แบเบาะไปจนถึง 4 ขวบ, โซนเด็กโต อายุ 4-13 ปี กับเครื่องเล่นขนาดสูงเท่าตึกสองชั้น ให้เด็ก ๆ ได้ปีนป่าย กระโดด คลาน และทรงตัว พร้อมเครื่องเป่าลูกบอล แทรมโปลีน และสไลเดอร์ขนาดใหญ่ยักษ์, โซนกีฬา โซนนี้จะมีการจัดลานขี่จักรยาน และสนามบาสเกตบอล ซึ่งสามารถแปลงเป็นสนามฟุตบอลได้ ที่ถูกออกแบบมาให้เด็ก ๆ ฝึกฝนทักษะทางด้านการกีฬาและออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีโซนบ่อน้ำและบ่อทราย โซนร้านอาหาร ห้องปาร์ตี้เฉพาะกลุ่มแสนสนุก คลาสเรียนทำอาหาร และ มุมศิลปะ ที่เปิดโอกาสให้น้องๆ หนูๆ ได้วาดรูป ระบายสี และสร้างสรรค์งานศิลปะต่างๆ เพื่อสร้างเสริมจินตนาการ
ฟันเนเรี่ยมตั้งอยู่่ที่กลางซอยสุขุมวิท 26 และ ศูนย์การค้าสเปลล์ ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต เปิดวันจันทร์ – พฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. / วันศุกร์ – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 19.00 น.
ราคาบัตรเข้าชม : เด็กเล็ก ราคา 200 บาท / เด็กโต ราคา 330 บาท / ผู้ใหญ่ ราคา 110 บาท
สอบถามเพิ่มเติม : 02-665-6555
ภาพจาก เฟซบุ๊ก : FunariumBangkok
9. สุนทรีแลนด์ (Suntree Land of dolls)
แดนตุ๊กตาแห่งนี้อยู่ที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เป็นดินแดนที่รายล้อมไปด้วยตุ๊กตาเล็กใหญ่นับพันตัวที่เกิดจากประสบการณ์การทำตุ๊กตากว่า 30 ปีของเจ้าของสถานที่ ภายในได้มีการจำลองบรรยากาศจากประเทศต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยมีตุ๊กตาเป็นพระเอกนางเอก โดยเด็กๆ สามารถเข้าไปกอด อุ้ม และถ่ายรูปตุ๊กตาได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้ยังมีห้อง DIY สำหรับประดิษฐ์ตุ๊กตาด้วยตัวเองอีกด้วย
สุนทรีแลนด์เรามี 2สาขา คือที่ราชบุรี และสาขาใหม่ที่ ขอนแก่น เปิดให้บริการทุกวัน สามารถดูรายละเอียดค่าเข้าชมได้ที่ www.suntreelandofdolls.com เบอร์โทรศัพท์ 082 024 2888, 082 021 7888
ภาพจาก www.suntreelandofdolls.com
10. สวนน้ำอวกาศ (SPACE WATER PARK)
สวนน้ำที่มีเจ้าหุ่น NAKA ROBOT เป็นจุดเด่นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของสวนนก สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชัยนาท โดยเจ้า NAKA ROBOT จะทำหน้าที่เป็นที่เล่นสไลเดอร์ให้เด็กๆ ได้สนุกสนานกัน ภายในสวนน้ำมีสระว่ายน้ำ ทั้งระบบรวมสระเปิด และบริการคลองน้ำวน มีสระสำหรับเด็กความลึกประมาณ 40-60 เซนติเมตร
อัตราค่าเข้าผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท เพียงแค่นี้เด็กๆ และผู้ปกครองก็ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในวันหยุดแล้ว
สอบถามรายละเอียดโทร 088-533-5130
ภาพจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ สวนน้ำอวกาศ ชัยนาท
เตรียมร่างกายให้พร้อม ต้อนรับวันหยุดและปิดเทอมที่มอบคุณค่าให้กับน้องๆ หนูๆ ควบคู่กับความสนุกสนาน กับสถานที่ที่เราคัดสรรมาว่าดีต่อกาย ใจ และพัฒนาการของน้องๆ หนูๆ ได้อย่างรอบด้านจริงๆ
อย่างไรก็ตามข้อมูลบางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้สอบถามข้อมูลก่อนออกเดินทางนะจ๊ะ
ปิดเทอม…อย่าปิดโลก
ไปพัฒนากายใจ กับ10 สถานที่ที่จะมอบสุขภาพกาย-ใจ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรพาเด็กๆ ไปอย่างยิ่ง!!